ดูดไขมันเอวเอส หมอลดา (คุณหมอหนูใหม่) phuma clinic

ดูดไขมันเอวเอส (Waist Liposuction)

ดูดไขมันเอวเอส (Waist Liposuction) เป็นการนำเอาไขมันส่วนเกินบริเวณเอวออกจากร่างกาย ซึ่งเป็นวิธีลัดในการสร้างเอวเอส เอวคอด เมื่อทำการดูดไขมันจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนและทันทีหลังทำเสร็จ โดยสามารถเปลี่ยนคนเอวหนา ไม่มีเอว หรือ คนที่หุ่นทรงตรง (ทรงกระบอก) ให้มีเอว มีส่วนโค้งส่วนเว้า ทำให้รูปร่างดูสมส่วน สร้างความมั่นใจในรูปร่างได้มากขึ้น

หุ่นแบบไหนที่เหมาะกับการดูดไขมันเอวเอส (S curve)

ซึ่งการดูดไขมันเอวเอส นั้นต้องได้รับคำแนะนำที่ถูกต้องจากแพทย์ที่มีประสบการณ์ด้านการดูดไขมัน เพื่อป้องกันข้อผิดพลาด และผลลัพธ์ออกมา และเป็นที่พึงพอใจ

1. หุ่นนาฬิกาทราย 

หุ่นนาฬิกาทราย เป็นหุ่นในฝัน เพราะมีสัดส่วนที่โค้งเว้า ใส่ชุดว่ายน้ำสวย หุ่นแบบนี้จะมีหน้าอกไซส์พอประมาณ มีไหล่ที่กว้าง และมีเอวคอดรับกับสะโพกที่ผายออก หุ่นแบบนี้แทบไม่ต้องทำอะไรเพิ่ม ซึ่งการดูดไขมันเอวในหุ่นนาฬิกาทราย แทบไม่จำเป็น ยกเว้นถ้าน้ำหนักเพิ่มขึ้นภายหลัง ก็อาจจะไปดูดไขมันบริเวณเอวออกได้ ก็จะทำให้มีเอวเอส

2. หุ่นทรงแอปเปิ้ล 

หุ่นทรงแอปเปิ้ล เป็นหุ่นที่ช่วงบนเล็ก แต่ช่วงท้องที่ป่องออก เอวขยาย ซึ่งผู้หญิงหลังคลอดลูกหลายคนอาจจะเคยมีหุ่นแบบนาฬิกาทราย แต่พอหลังคลอดลูกเสร็จหุ่นจะกลายเป็นทรงแอปเปิ้ล เพราะกล้ามเนื้อหน้าท้องและกล้ามเนื้อเอวขยายและหย่อนตัวจากการตั้งครรภ์ คนที่มีหุ่นทรงแอปเปิ้ลสามารถดูดไขมันเอวเอสได้ ซึ่งจะได้เอวคอด เอวเอสที่ดูสวยงาม

ดูดไขมัน กระชับสัดส่วน หมอลดา (คุณหมอหนูใหม่) Phuma clinic

3. หุ่นสามเหลี่ยมคว่ำ หรือ สามเหลี่ยมหัวกลับ

หุ่นทรงสามเหลี่ยมคว่ำ หรือสามเหลี่ยมหัวกลับ มักจะไม่ค่อยเจอปัญหาเรื่องเอวเอส เอวคอด แต่ส่วนมากจะพบว่ามีไขมันสะสมบริเวณอื่นๆ เช่น ต้นแขนใหญ่ ต้นขาใหญ่ ดังนั้น แพทย์จึงแนะนำให้ดูดไขมันบริเวณอื่น เพื่อให้เข้ากับรูปร่างส่วนล่างที่มีขนาดเล็กกว่า

4. หุ่นสามเหลี่ยมหงาย หรือ หุ่นทรงลูกแพร์

เป็นหุ่นที่ช่วงบนเล็ก ช่วงล่างใหญ่ มีเอวที่บางหรือเล็กกว่าสะโพก แต่ส่วนของสะโพกไปจนถึงขา จะมีลักษณะผายและใหญ่ แต่ไม่ได้เรียกว่าอ้วน

4. หุ่นสามเหลี่ยมหงาย หรือ หุ่นทรงลูกแพร์

เป็นหุ่นที่ช่วงบนเล็ก ช่วงล่างใหญ่ มีเอวที่บางหรือเล็กกว่าสะโพก แต่ส่วนของสะโพกไปจนถึงขา จะมีลักษณะผายและใหญ่ แต่ไม่ได้เรียกว่าอ้วน

ดูดไขมันเอวเอส เจ็บไหม ?

โดยวิธีดูดไขมันเอวเอสในปัจจุบัน เป็นการดูดไขมันเอวเอสด้วยเทคนิค Tumescent หรือการใส่ยาชาและน้ำเกลือที่ชั้นไขมัน โดยยาชาที่ผสมในน้ำเกลือลงไปนั้นจะช่วยลดความเจ็บปวด น้ำเกลือจะไปทำให้ไขมันแตกตัวและดูดไขมันออกได้ง่าย ซึ่งเป็นวิธีการดูดไขมันเอวเอสเป็นหลักที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเลือกใช้จนถึงทุกวันนี้ โดยแพทย์จะเปิดแผลเล็กๆ และสอดท่อเข้าไปในบริเวณที่ต้องการที่จะดูดไขมันออก 

ดูดไขมัน “เอวเอส” เจ็บไหม? การดูดไขมันเอวเอสเจ็บเฉพาะเวลาฉีดยาชา ซึ่งเป็นความเจ็บที่เกิดจากเข็มเพียงเล็กน้อย โดยแพทย์จะฉีดยาชาเพื่อลดความรู้สึกเจ็บขณะทำการดูดไขมัน เมื่อยาชาออกฤทธิ์แล้ว หลังจากนั้นในช่วงแรกไปถึงช่วงกลางๆ ของการดูดไขมัน คนไข้จะไม่รู้สึกเจ็บ หรือแทบจะไม่รู้สึกอะไรเลย เมื่อดูดไขมันไปได้สักพักหนึ่ง ไขมันบริเวณที่ดูดใกล้หมดแล้ว แต่ยังมีไขมันที่ยังมีติดอยู่บ้างใกล้ๆกับผิวหนังและกล้ามเนื้อ เมื่อชั้นไขมันบางลง บริเวณนี้คนไข้อาจจะมีความรู้สึกเจ็บ หรือเจ็บแปลบๆ บ้างในบางครั้ง และไม่ตลอดเวลา

ดูดไขมันเอวเอส เหมาะกับใคร?

การดูดไขมันเอวเอส เหมาะกับผู้หญิงที่มีปัญหาส่วนเกินสะสมที่บริเวณเอว และส่วนมากจะนิยมดูดไขมันเอวเอสร่วมกับการดูดไขมันหน้าท้องได้ด้วยเช่นกัน เพื่อทำให้รูปร่างหรือสัดส่วนที่สมส่วน สวยงาม โดยคนที่เหมาะกับการดูดไขมันเอวเอส ได้แก่

  • คนที่มีอายุมาก ทำให้อัตราการเผาผลาญร่างกายลดลง แต่อยากมีเอวเอส และยากต่อการออกกำลังกาย
  • คนที่อยากลดเอว ในเวลาเร่งด่วน เห็นผลเร็ว ปรับรูปร่างและสัดส่วนให้มีส่วนเว้าส่วนโค้ง
  • คนที่ออกกำลังกายแล้ว สัดส่วนไม่และเอวไม่ลด
  • คนที่หุ่นทรงตรง หรือทรงกระบอก ไม่มีเอว อยากมีเอวเอส
  • คนที่ำไม่มีเวลาออกกำลังกาย แต่อยากลดสัดส่วน ลดไขมันส่วนเกินบริเวณเอว
ดูดไขมันเอวเอส ต้องวางยาสลบไหม?

โดยทั่วไปการดูดไขมันเอวเอสมีอยู่ 2 วิธีด้วยกัน คือ วิธีการดูดไขมันเอวเอสแบบดั้งเดิมโดยการใช้ยาสลบ และการดูดไขมันเอวเอสด้วยวิธีปัจจุบัน โดยการดูดไขมันเอวเอส ด้วยเทคนิค Tumescent หรือการใส่ยาชาและน้ำเกลือที่ชั้นไขมัน ซึ่งทั้งสองวิธีการมีผลข้างเคียงที่ต่างกัน โดยการเลือกใช้จะขึ้นอยู่กับความต้องการของคนไข้ สภาพร่างกายของคนไข้ และจากการพิจารณาของแพทย์เป็นหลัก ซึ่งในปัจจุบันการเลือกใช้วิธีการใช้ยาชาเฉพาะส่วน เป็นที่นิยมมากกว่าการใช้ยาสลบ เนื่องจากยาชามีผลข้างเคียงน้อยกว่าและฟื้นตัวได้เร็ว คนไข้รู้สึกตัวตลอดเวลาที่ผ่าตัด ดังนั้นไม่ต้องกังวลเรื่องการหยุดหายใจ สามารถกลับบ้านได้เลยหลังการดูดไขมันเสร็จ เนื่องจากไม่มีสารออกฤทธิ์ที่กดการหายใจตกค้างในร่างกายของคนไข้

การดูดไขมันเอวเอส เพียงอย่างเดียวไม่จำเป็นต้องวางยาสลบ สามารถใช้วิธีการใส่ยาชาเฉพาะจุด และสามารถดูดไขมันร่วมกันกับบริเวณอื่นๆได้อีกด้วย เช่น การดูดไขมันหน้าท้องพร้อมกับดูดไขมันเอวเอส จะทำให้ดูรูปร่างสมส่วน สวยงาม มั่นใจ

ดูดไขมันเอวเอส ที่ PHUMA CLINIC ด้วยเครื่อง MicroAire PAL

MicroAire PAL เป็นการใช้วิธีการดูดไขมันโดยการสั่นสะเทือนรอบสูงจากท่อที่ดูดไขมัน เพื่อช่วยในการสลายไขมันให้แตกตัวออกจากกัน โดยไม่ใช้ความร้อน ไม่เจ็บ ไม่เสี่ยงผิวไหม้ และหลังจากนั้นเครื่องจะดูดไขมันออกมาอย่างอัตโนมัติด้วยระบบสั่น ทำให้ไขมันไหลออกมาได้ง่ายดาย เพราะความถี่ในการสั่นส่งผลให้ดูดไขมันได้ปริมาณมาก และยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดูดไขมันได้ดีมากยิ่งขึ้น รวมถึงรอยฟกช้ำน้อยกว่าการดูดไขมันแบบปกติ และช่วยลดการเสียดสีของผิวหนัง รวมไปถึงเนื้อเยื่อเคียงได้

ข้อดีของการดูดไขมันด้วยเครื่อง MicroAire PAL

  • ใช้เวลาน้อยในการดูดไขมัน

  • ดูดไขมันได้ในปริมาณมาก และดูดไขมันออกได้ง่าย

  • เพิ่มประสิทธิภาพในการดูดไขมันได้ดี

  • แผลเล็ก เจ็บน้อย หลังทำการดูดไขมันเสร็จสามารถกลับบ้านได้ทันที

  • สามารถดูดไขมันบริเวณที่เป็นพังผืดได้ และบริเวณที่ดูดยาก หรือ บริเวณที่เคยดูดมาก่อน

  • ไม่เกิดความร้อนสะสม ไม่ทำให้เกิดผิวไหม้ ไม่เป็นคลื่น คล้ายเป็นเปลือกส้ม
เครื่องดูดไขมัน MicroAire PAL หมอลดา (หมอหนูใหม่) Phuma clinic

ก่อนดูดไขมันเอวเอส ต้องเตรียมตัวอย่างไร?

ในปัจจุบันการดูดไขมันเอวเอส ถือเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย เนื่องจากเป็นวิธีที่สามารถกำจัดไขมันส่วนเกินออกไปจากร่างกายได้ เปลี่ยนหุ่นให้กระชับ ปรับรูปร่างให้ดูสวยงาม ฉะนั้นผู้ที่สนใจจะดูดไขมันเอวเอส ควรศึกษาข้อมูลและควรมีการเตรียมความพร้อมก่อนดูดไขมัน เพื่อความปลอดภัยและทำให้เกิดผลการรักษาที่ดีกับคนไข้ การเตรียมความพร้อมต้องทำอย่างไรบ้าง

  1. ต้องศึกษาหาข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับกระบวนการดูดไขมัน และความเสี่ยงต่างๆ ศึกษากระบวนการรักษาทั้งตอนดูดไขมันและหลังดูดไขมัน

  2. ก่อนจะเลือกดูดไขมัน ควรดูดไขมันกับแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ และคลินิกที่ได้มาตรฐานมีใบอนุญาตถูกต้องเท่านั้น

  3. ก่อนทำการดูดไขมันควรมีการตรวจเลือด เพื่อตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด ภาวะการติดเชื้อ การแข็งตัวของเลือด ความสมดุลของสารน้ำในร่างกาย เพื่อความปลอดภัยของคนไข้เอง

  4. ควรวางแผนการพักฟื้นให้ดี หลังการผ่าตัดต้องดูแลแผลให้เป็นอย่างดี เพราะในช่วงแรกจะมีน้ำเกลือไหลซึมออกมาจากปากแผล แต่ก็เป็นแค่ช่วงเวลา 1-2 วัน เท่านั้น

  5. ต้องเตรียมพร้อมร่างกายก่อนดูดไขมันซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมาก คนไข้ต้องงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาหารเสริมต่างๆ และยากลุ่มแอสไพริน วิตามินอี ยาที่เกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือด ก่อนทำการดูดไขมันอย่างน้อยเป็นเวลา 2 สัปดาห์

  6. ปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจดูดไขมัน แจ้งความกังวลกับแพทย์ว่าเรากังวลส่วนไหน ทำไมถึงอยากดูดไขมันบริเวณนี้ออก เพื่อประกอบการตัดสินใจของทั้งแพทย์และคนไข้

  7. ก่อนทำการดูดไขมันต้องแจ้งแพทย์ว่ามีประวัติการแพ้ยาหรือไม่ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากเพื่อป้องกันการแพ้ยาระหว่างการดูดไขมัน

Phuma clinic (ภูม่า) พญ.ชลดา วิรัตกพันธ์ (ดูดไขมัน)
Phuma clinic (ภูม่า) พญ.ชลดา วิรัตกพันธ์ (ดูดไขมัน)

ดูดไขมันเอวเอส มีขั้นตอนอย่างไร?

ขั้นตอนการดูดไขมัน สำหรับผู้ที่กำลังตัดสินใจดูดไขมันเอวเอส ควรศึกษาการเตรียมตัวก่อนการดูดไขมันเอวเอสและขั้นตอนการดูดไขมันเอวเอส ซึ่งจะช่วยป้องกันข้อผิดพลาดหรือปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในภายหลัง การดูดไขมัน “เอวเอส” เป็นการนำไขมันสะสมส่วนเกินที่ไม่ต้องการออกด้วยเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัย จึงสามารถช่วยแก้ปัญหา ทำให้รูปร่างให้สมส่วน เสริมสร้างบุคลิกภาพ เพิ่มความมั่นใจในการแต่งตัว 

Phuma clinic เราจึงมี ขั้นตอนการดูดไขมัน มาให้ผู้ที่จะเตรียมตัวดูดไขมันได้อ่านเพื่อให้ศึกษาก่อนมาดูดไขมันทั้งตัว ว่ามีขั้นตอนอย่างไรบ้าง

1.การฉีดสารละลายน้ำเกลือ (Tumescent)

แพทย์จะฉีดยาชาเพื่อเปิดแผล ขนาดประมาณ 0.5-1 ซม. หลังจากนั้นตัวยาชาและอะดรีนาลีนจะเข้าสู่บริเวณส่วนที่จะทำการดูดไขมันในแต่บริเวณ ซึ่งขั้นตอนนี้เป็นเทคนิคการดูดไขมันทุกส่วน ซึ่งจะช่วยลดการสูญเสียเลือด เพิ่มความปลอดภัย และยังช่วยให้ดูดไขมันออกมาได้ง่ายขึ้นได้อีกด้วย

2.ขั้นตอนการสลายชั้นไขมันแต่ละบริเวณ

หลังจากใส่ยาชาจนทั่วบริเวณที่จะดูดไขมันแล้ว ก็จะเป็นขั้นตอนของการสลายไขมันด้วยคลื่นอัลตราซาวน์ เพื่อทำการสลายเซลล์ไขมันให้แตกออกโดยที่ไม่ทำอันตรายต่อเนื้อเยื่ออื่นๆ เช่น เส้นเลือด หรือเส้นประสาท เมื่อไขมันแตกสลายเป็นน้ำหมดแล้ว แพทย์จะทำการดูดไขมันออก โดยใช้เครื่องดูดไขมัน

3.ขั้นตอนหลังดูดไขมันทเอวเอส

เมื่อดูดไขมันแต่ละบริเวณเสร็จแล้ว แพทย์จะเย็บแผล ซึ่งมีขนาดเล็กเย็บไม่เกิน 2 เข็ม เพราะการดูดไขมันเอวเอส แพทย์จะเปิดแผลเล็กมาก หลังการดูดไขมันน้ำเกลือจะไหลออกจากปากแผลไม่เกิน 24-48 ชั่วโมง โดยแพทย์จะเย็บแผลให้ปิดไม่สนิท เพื่อต้องการให้ระบายน้ำเกลือและยาชาที่เหลือออกจากร่างกาย และยังช่วยลดอาการบวม ยุบบวมได้อย่างรวดเร็ว หลังการรักษาคนไข้ต้องดูแลแผลให้เป็นอย่างดี ควรหลีกเลี่ยงห้ามให้แผลโดนน้ำโดยเด็ดขาดจนกว่าจะตัดไหม และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด

ขั้นตอนการดูดไขมัน หมอลดา (คุณหมอหนูใหม่) Phuma clinic

หลังดูดไขมันเอวเอส ต้องปฏิบัติตัวอย่างไร?

การปฏิบัติตัวหลังจากการดูดไขมัน การดูแลตัวเองหลังการดูดไขมันก็เป็นสิ่งสำคัญ และยังสามารถช่วยให้แผลจากการดูดไขมันหายเร็วขึ้น การดูแลตัวเองหลังการดูดไขมันมีข้อปฏิบัติตัวต่าง ๆ ดังนี้

  1. ควรดื่มน้ำอย่างน้อย วันละ 2 ลิตร

  2. แผลเย็บด้วยไหมชนิดต้องตัดออก ต้องดำเนินการตัดโดยแพทย์ โดยจะนัดตัดไหมที่ 1 สัปดาห์

  3. งดการออกกำลังกายหรือการเคลื่อนไหวร่างกายอย่างรุนแรงเพื่อป้องกันแผลเปิด และสามารถออกกำลังกายเบา ๆ ได้หลังการดูดไขมันหน้าท้องได้ 3 สัปดาห์ และออกกำลังหนักได้หลังการดูดไขมันหน้าท้องได้ 6 สัปดาห์

  4. อาการบวม ช้ำ และอาการปวด จะดีขึ้นภายใน 2-3 สัปดาห์ แต่อาการบวมจะเป็นนานมากที่สุด ซึ่งอาจจะนานถึง 3 เดือน 

  5. งดดื่มแอลกอฮอล์ อาหารหมักดอง รวมไปถึงการสูบบุหรี่เพื่อป้องกันแผลหายช้า

  6. ควรทำความสะอาดแผล 1-2 ครั้งต่อวัน โดยแผลห้ามโดนน้ำเป็นเวลา 7 วัน ตามคำแนะนำของแพทย์

  7. หลังจากดูดไขมันแล้วควรพักผ่อนให้เพียงพอ และขยับร่างกายบ้างเล็กน้อย เพื่อป้องกันอาการบวมช้ำ

  8. งดอาบน้ำหลังจากดูดไขมัน โดยแนะนำเป็นการอาบน้ำในวันถัดไป และควรแปะพลาสเตอร์กันน้ำทุกครั้งก่อนอาบน้ำ

  9. ในช่วง 1 เดือนแรกควรสวมชุดกระชับเกือบตลอด 24 ชั่วโมง ให้ถอดได้เฉพาะเวลาอาบน้ำ หรือ วันละ 1-2 ชม. ในเดือนที่ 2-3 ให้ใส่วันละ 12 ชม. ทั้งนี้เพื่อให้ผิวหนังมีความกระชับ ได้รูปที่สวยงามสวมหลังจากนั้นจึงค่อยลดลงตามความเหมาะสม ตามคำแนะนำของแพทย์

  10. รับประทานยาตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ทานยาปฏิชีวนะติดต่อกันทุกวันจนหมด ควรรับประทานยาแก้ปวด และยาลดอาการบวม เมื่อมีอาการเท่านั้น

Phuma clinic (ภูม่า) พญ.ชลดา วิรัตกพันธ์ (ดูดไขมัน)

ทำไมเลือกดูดไขมันเอวเอส ที่ PHUMA CLINIC

Phuma clinic (ภูม่า) พญ.ชลดา วิรัตกพันธ์ (ดูดไขมัน)
  • Phuma clinic มีแพทย์ผู้ชำนาญประสบการณ์ยาวนานมากกว่า 10 ปี ประสบการณ์ทำเคสดูดไขมันมากกว่า 20,000 เคส โดยออกแบบรูปร่างและสัดส่วนที่คุณต้องการให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล คำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก

  • เรามีเทคโนโลยีในการดูดไขมันระดับแนวหน้า ที่มีประสิทธิภาพสูง ผลข้างเคียงน้อย

  • คลินิกสะอาด ปลอดภัย ห้องผ่าตัดได้มาตรฐาน เครื่องมือทันสมัย

  • ดูแลลูกค้าต่อเนื่องหลังเข้ารับบริการระดับมืออาชีพ 

  • บริการด้วยความเต็มใจ ตั้งใจ จริงใจ ตรงไปตรงมา ให้ความชัดเจนกับลูกค้า และให้ลูกค้าเกิดความประทับใจ 

การใส่ชุดกระชับ หลังดูดไขมัน "สำคัญ" อย่างไร?

การดูดไขมันเอวเอสออกมานั้นเป็นการกำจัดไขมันที่สะสมอยู่ในชั้นไขมันใต้ผิวหนัง โดยจะอยู่ระหว่างผิวหนังกับกล้ามเนื้อ ดังนั้นหลังจากที่เราดูดไขมันแต่ละบริเวณออกมาแล้ว จึงเกิดช่องว่างภายใต้ผิวหนังเกิดขึ้น ช่องว่างนี้จะมีลักษณะเป็นโพรง เราจึงต้องรีบปิดช่องว่างนี้ให้เร็วที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวหนังอยู่ในสภาวะย้วยหรือหย่อนคล้อย

การใส่ชุดกระชับทุกบริเวณที่ดูดไขมันออก เป็นหนึ่งในวิธีดูแลตัวเองหลังดูดไขมันที่สำคัญมาก เพราะสัดส่วนของเราจะเข้าที่เร็วขึ้นหรือช้าขึ้นอยู่กับระยะเวลาในการสวมชุดกระชับสัดส่วนด้วย ยิ่งสวมนานมากเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้ผิวหนังติดกับชั้นกล้ามเนื้อได้เร็วเท่านั้น 

ประโยชน์ของชุดกระชับ

  • ช่วยอาการบวมหลังจากการดูดไขมันเอวเอส

  • ลดอาการบวมเขียวช้ำ เพราะชุดกระชับจะทำหน้าที่กดทับในบริเวณที่เลือดออกและทำให้เลือดหยุดไหล ทำให้ลดอาการบวมช้ำได้

  • ช่วยลดการเกิดแผลเป็น หรือคีลอยด์

  • ช่วยรีดน้ำเกลือที่ยังเหลือภายในร่างกาย

  • คนไข้ฟื้นตัวเร็ว ทำให้สามารถกลับไปใช้ชีวิตปกติได้เร็วขึ้น

  • ลดการเกิดก้อนแข็งเป็นไต หลังดูดไขมันเอวเอส

Phuma clinic (ภูม่า) พญ.ชลดา วิรัตกพันธ์ (ดูดไขมัน)

ดูดไขมันเอวเอส ที่ไหนดี?

สำหรับใครที่อยากดูดไขมันเอวเอส  หรืออยากดูดไขมันบริเวณอื่นๆ แนะนำให้ศึกษาข้อมูลก่อนการดูดไขมัน และเข้าไปปรึกษาแพทย์โดยตรง เพื่อให้แพทย์ได้ประเมินการรักษาได้อย่างตรงจุดและแม่นยำ ใครที่อยากดูดไขมันเอวเอสที่ PHUMA CLINIC (ภูม่า คลินิก) ดูดโดยแพทย์ผู้ชำนาญมีประสบการณ์ยาวนานมากกว่า 10 ปี ประสบการณ์ทำเคสมามากกว่า 20,000 เคส สามารถแอดไลน์มาสอบถามได้ที่ @phumaclinic ได้เลย

error: Content is protected !!