ดูดไขมันหน้าท้อง (Abdominal Liposuction)
“ดูดไขมันหน้าท้อง” (Abdominal Liposuction) คือ การกำจัดไขมันสะสม ส่วนเกินใต้ชั้นผิวบริเวณหน้าท้องออกด้วยเครื่องดูดไขมัน เป็นการแก้ปัญหาสำหรับผู้ที่มีหน้าท้องยื่น ย้อย หย่อนคล้อย หรือ ท้องป่อง ให้มีขนาดเล็กลง พร้อมปรับรูปร่างให้ดูดีดูสมส่วนขึ้น
โดยแพทย์จะประเมินและออกแบบหน้าท้องให้ตรงกับความต้องการของผู้รับการดูดไขมันหน้าท้อง เช่น ดูดไขมันเพื่อสร้างกล้ามเนื้อ หรือเพื่อปรับให้หน้าท้องแบนเรียบ เกิดส่วนเว้าส่วนโค้ง และการดูดไขมันหน้าท้องยังช่วยเพิ่มความมั่นใจของเราให้มากขึ้น ซึ่งการดูดไขมันหน้าท้องสามารถทำได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ในบางคนอาจดูดไขมันหน้าท้องร่วมกับการสร้างซิกแพค หรือร่อง11 (sexy line) ไปพร้อมๆ กัน เรียกได้ว่าทำทีเดียวได้ผลลัพธ์ 2 ทาง ทั้งลดไขมันส่วนเกิน และสร้างไลน์กล้ามเนื้อที่ดูเป็นธรรมชาติ โชว์รูปร่างได้อย่างมั่นใจ
ท้องใหญ่ พุงยื่น พุงป่อง เกิดจากอะไร?
คนที่มีหน้าท้องใหญ่ หรือพุงป่อง อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุซึ่งหนึ่งในนั้น คือ การมีไขมันช่องท้องและไขมันใต้ชั้นผิวในปริมาณที่มากเกินกว่าที่ร่างกายต้องการจนเกิดเป็นไขมันสะสม ถ้าหากอยากลดไขมันหน้าท้องด้วยการดูดไขมัน จะต้องทำความเข้าใจก่อนว่า หน้าท้องส่วนไหนที่สามารถดูดไขมันได้ และหน้าท้องส่วนไหนที่ดูดไขมันไม่ได้ หน้าท้องเราจะประกอบด้วย ชั้นไขมันและชั้นกล้ามเนื้อเรียงซ้อนกันไล่ไปตั้งแต่ ไขมันใต้ชั้นผิว (subcutanous Fat) > กล้ามเนื้อหน้าท้อง (Muscles > ไขมันช่องท้อง (Visceral Fat) ซึ่งจะอธิบายดังนี้
1. ไขมันชั้นใต้ผิวหนัง (Subcutanous Fat) จะเป็นไขมันชั้นตื้นหรือไขมันชั้นนอก เป็นส่วนที่อยู่ติดกับผิวหนังเรามากที่สุด ไขมันชั้นนี้สามารถดูดไขมันหน้าบริเวณหน้าท้องได้ ซึ่งไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย อีกทั้งการดูดไขมันหน้าท้องยังช่วยลดขนาดของพุง ทำให้หน้าท้องแบนราบ ทำพุงป่องให้ยุบลงได้
2. กล้ามเนื้อหน้าท้อง (Muscles) ชั้นนี้จะเป็นชั้นของกล้ามเนื้อ โดยชั้นนี้ควรเน้นการออกกำลังกาย เพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อ
3. ไขมันช่องท้อง (Visceral Fat) จะอยู่ชั้นในสุด ติดกับอวัยวะต่างๆ ไขมันส่วนนี้ไม่สามารถดูดไขมันออกได้ หากอยากลดไขมันช่องท้อง จะต้องควบคุมอาหาร ปรับพฤติกรรมการกินอาหาร และออกกำลังกายแทน ดังนั้นในบางคนที่ดูดไขมันหน้าท้องไป หน้าท้องอาจจะยุบลงไม่มาก เนื่องจากอาจจะมีไขมันในช่องท้องอยู่มาก
ดูดไขมันหน้าท้อง เหมาะกับใครบ้าง?
คุณแม่หลังคลอด ที่มีหน้าท้องย้วย หน้าท้องหย่อนยาน แตกลาย และแพทย์พิจารณาแล้วว่าสามารถ ดูดไขมันหน้าท้องได้
ดูดไขมันหน้าท้องผู้ชาย เป็นส่วนที่นิยมมากที่สุด โดยเฉพาะดูดไขมันหน้าท้อง ร่วมกับ การดูดไขมันซิกแพค (Six pack liposuction)
ดูดไขมันหน้าท้องผู้หญิง จะนิยมดูดไขมันหน้าท้องร่วมกับดูดไขมันร่อง 11 (Sexy line) และ ดูดไขมันเอวเอส (เอว S)
ผู้ที่มีหน้าท้องย้วยหลังการลดน้ำหนัก แบ่งได้เป็น 2 กลุ่มคือ
หน้าท้องขยายจากน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเกิดจากพฤติกรรมการกินจนเกิดไขมันส่วนเกินสะสมบริเวณหน้าท้อง ซึ่งสามารถทำการดูดไขมันหน้าท้องออกได้
คนอ้วนหรือมีไขมันสะสมหน้าท้องเป็นเวลานาน กรณีนี้เมื่อออกกำลังกายแล้วสัดส่วนไม่ลดลง ในบางรายหน้าท้องก็ไม่สามารถคืนสภาพ หรือหดกลับเข้าไปได้ ทำให้เกิดหน้าท้องย้วยอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งกรณีนี้สามารถให้การรักษาได้โดยการดูดไขมันหน้าท้องได้
ดูดไขมันหน้าท้อง เจ็บไหม?
โดยวิธีดูดไขมันหน้าท้องในปัจจุบัน เป็นการดูดไขมันหน้าท้องด้วยเทคนิค Tumescent หรือการใส่ยาชาและน้ำเกลือที่ชั้นไขมัน โดยยาชาที่ผสมในน้ำเกลือลงไปนั้นจะช่วยลดความเจ็บปวด น้ำเกลือจะไปทำให้ไขมันแตกตัวและดูดไขมันออกได้ง่าย ซึ่งเป็นวิธีการดูดไขมันหน้าท้องเป็นหลักที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเลือกใช้จนถึงทุกวันนี้ โดยแพทย์จะเปิดแผลเล็กๆ และสอดท่อเข้าไปในบริเวณที่ต้องการที่จะดูดไขมันออก
ดูดไขมัน “หน้าท้อง” เจ็บไหม? การดูดไขมันหน้าท้องเจ็บเฉพาะเวลาฉีดยาชา ซึ่งเป็นความเจ็บที่เกิดจากเข็มเพียงเล็กน้อย โดยแพทย์จะฉีดยาชาเพื่อลดความรู้สึกเจ็บขณะทำการดูดไขมัน เมื่อยาชาออกฤทธิ์แล้ว หลังจากนั้นในช่วงแรกไปถึงช่วงกลางๆ ของการดูดไขมัน คนไข้จะไม่รู้สึกเจ็บ หรือแทบจะไม่รู้สึกอะไรเลย เมื่อดูดไขมันไปได้สักพักหนึ่ง ไขมันบริเวณที่ดูดใกล้หมดแล้ว แต่ยังมีไขมันที่ยังมีติดอยู่บ้างใกล้ๆกับผิวหนังและกล้ามเนื้อ เมื่อชั้นไขมันบางลง บริเวณนี้คนไข้อาจจะมีความรู้สึกเจ็บ หรือเจ็บแปลบๆ บ้างในบางครั้ง และไม่ตลอดเวลา
ดูดไขมันหน้าท้อง ต้องวางยาสลบไหม?
โดยทั่วไปการดูดไขมันหน้าท้องมีอยู่ 2 วิธีด้วยกัน คือ วิธีการดูดไขมันหน้าท้องแบบดั้งเดิมโดยการใช้ยาสลบ และการดูดไขมันหน้าท้องด้วยวิธีปัจจุบัน โดยการดูดไขมันหน้าท้องด้วยเทคนิค Tumescent หรือการใส่ยาชาและน้ำเกลือที่ชั้นไขมัน ซึ่งทั้งสองวิธีการมีผลข้างเคียงที่ต่างกัน โดยการเลือกใช้จะขึ้นอยู่กับความต้องการของคนไข้ สภาพร่างกายของคนไข้ และจากการพิจารณาของแพทย์เป็นหลัก ซึ่งในปัจจุบันการเลือกใช้วิธีการใช้ยาชาเฉพาะส่วน เป็นที่นิยมมากกว่าการใช้ยาสลบ เนื่องจากยาชามีผลข้างเคียงน้อยกว่าและฟื้นตัวได้เร็ว คนไข้รู้สึกตัวตลอดเวลาที่ผ่าตัด ดังนั้นไม่ต้องกังวลเรื่องการหยุดหายใจ สามารถกลับบ้านได้เลยหลังการดูดไขมันเสร็จ เนื่องจากไม่มีสารออกฤทธิ์ที่กดการหายใจตกค้างในร่างกายของคนไข้
ดูดไขมันหน้าท้อง ที่ PHUMA CLINIC ด้วยเครื่อง MicroAire PAL
MicroAire PAL เป็นการใช้วิธีการดูดไขมันโดยการสั่นสะเทือนรอบสูงจากท่อที่ดูดไขมัน เพื่อช่วยในการสลายไขมันให้แตกตัวออกจากกัน โดยไม่ใช้ความร้อน ไม่เจ็บ ไม่เสี่ยงผิวไหม้ และหลังจากนั้นเครื่องจะดูดไขมันออกมาอย่างอัตโนมัติด้วยระบบสั่น ทำให้ไขมันไหลออกมาได้ง่ายดาย เพราะความถี่ในการสั่นส่งผลให้ดูดไขมันได้ปริมาณมาก และยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดูดไขมันได้ดีมากยิ่งขึ้น รวมถึงรอยฟกช้ำน้อยกว่าการดูดไขมันแบบปกติ และช่วยลดการเสียดสีของผิวหนัง รวมไปถึงเนื้อเยื่อเคียงได้
ข้อดีของการดูดไขมันด้วยเครื่อง MicroAire PAL
- ใช้เวลาน้อยในการดูดไขมัน
- ดูดไขมันได้ในปริมาณมาก และดูดไขมันออกได้ง่าย
- เพิ่มประสิทธิภาพในการดูดไขมันได้ดี
- แผลเล็ก เจ็บน้อย หลังทำการดูดไขมันเสร็จสามารถกลับบ้านได้ทันที
- สามารถดูดไขมันบริเวณที่เป็นพังผืดได้ และบริเวณที่ดูดยาก หรือ บริเวณที่เคยดูดมาก่อน
- ไม่เกิดความร้อนสะสม ไม่ทำให้เกิดผิวไหม้ ไม่เป็นคลื่น คล้ายเป็นเปลือกส้ม
ก่อนดูดไขมันหน้าท้อง ต้องเตรียมตัวอย่างไร?
ในปัจจุบันการดูดไขมันหน้าท้อง ถือเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย เนื่องจากเป็นวิธีที่สามารถกำจัดไขมันส่วนเกินออกไปจากร่างกายได้ เปลี่ยนหุ่นให้กระชับ ปรับรูปร่างให้ดูสวยงาม ฉะนั้นผู้ที่สนใจจะดูดไขมันหน้าท้อง ควรศึกษาข้อมูลและควรมีการเตรียมความพร้อมก่อนดูดไขมัน เพื่อความปลอดภัยและทำให้เกิดผลการรักษาที่ดีกับคนไข้ การเตรียมความพร้อมต้องทำอย่างไรบ้าง
-
ต้องศึกษาหาข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับกระบวนการดูดไขมัน และความเสี่ยงต่างๆ ศึกษากระบวนการรักษาทั้งตอนดูดไขมันและหลังดูดไขมัน
-
ก่อนจะเลือกดูดไขมัน ควรดูดไขมันกับแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ และคลินิกที่ได้มาตรฐานมีใบอนุญาตถูกต้องเท่านั้น
-
ก่อนทำการดูดไขมันควรมีการตรวจเลือด เพื่อตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด ภาวะการติดเชื้อ การแข็งตัวของเลือด ความสมดุลของสารน้ำในร่างกาย เพื่อความปลอดภัยของคนไข้เอง
-
ควรวางแผนการพักฟื้นให้ดี หลังการผ่าตัดต้องดูแลแผลให้เป็นอย่างดี เพราะในช่วงแรกจะมีน้ำเกลือไหลซึมออกมาจากปากแผล แต่ก็เป็นแค่ช่วงเวลา 1-2 วัน เท่านั้น
-
ต้องเตรียมพร้อมร่างกายก่อนดูดไขมันซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมาก คนไข้ต้องงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาหารเสริมต่างๆ และยากลุ่มแอสไพริน วิตามินอี ยาที่เกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือด ก่อนทำการดูดไขมันอย่างน้อยเป็นเวลา 2 สัปดาห์
-
ปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจดูดไขมัน แจ้งความกังวลกับแพทย์ว่าเรากังวลส่วนไหน ทำไมถึงอยากดูดไขมันบริเวณนี้ออก เพื่อประกอบการตัดสินใจของทั้งแพทย์และคนไข้
-
ก่อนทำการดูดไขมันต้องแจ้งแพทย์ว่ามีประวัติการแพ้ยาหรือไม่ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากเพื่อป้องกันการแพ้ยาระหว่างการดูดไขมัน
ดูดไขมันหน้าท้อง มีขั้นตอนอย่างไร?
ขั้นตอนการดูดไขมันหน้าท้อง สำหรับผู้ที่กำลังตัดสินใจดูดไขมันหน้าท้อง ควรศึกษาการเตรียมตัวก่อนการดูดไขมันและขั้นตอนการดูดไขมันหน้าท้อง ซึ่งจะช่วยป้องกันข้อผิดพลาดหรือปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในภายหลัง การดูดไขมัน “หน้าท้อง” เป็นการนำไขมันสะสมส่วนเกินที่ไม่ต้องการออกด้วยเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัย จึงสามารถช่วยแก้ปัญหา ทำให้รูปร่างให้สมส่วน เสริมสร้างบุคลิกภาพ เพิ่มความมั่นใจในการแต่งตัว
Phuma clinic เราจึงมี ขั้นตอนการดูดไขมัน มาให้ผู้ที่จะเตรียมตัวดูดไขมันได้อ่านเพื่อให้ศึกษาก่อนมาดูดไขมันหน้าท้อง ว่ามีขั้นตอนอย่างไรบ้าง
1. การฉีดสารละลายน้ำเกลือ (Tumescent)
แพทย์จะฉีดยาชาเพื่อเปิดแผล ขนาดประมาณ 0.5-1 ซม. หลังจากนั้นตัวยาชาและอะดรีนาลีนจะเข้าสู่บริเวณส่วนที่จะทำการดูดไขมันหน้าท้อง ซึ่งขั้นตอนนี้เป็นเทคนิคการดูดไขมันหน้าท้อง ที่จะช่วยลดการสูญเสียเลือด เพิ่มความปลอดภัย และยังช่วยให้ดูดไขมันออกมาได้ง่ายขึ้นได้อีกด้วย
2. ขั้นตอนการสลายชั้นไขมันหน้าท้อง
หลังจากใส่ยาชาจนทั่วบริเวณที่จะดูดไขมันแล้ว ก็จะเป็นขั้นตอนของการสลายไขมันด้วยคลื่นอัลตราซาวน์ เพื่อทำการสลายเซลล์ไขมันให้แตกออกโดยที่ไม่ทำอันตรายต่อเนื้อเยื่ออื่นๆ เช่น เส้นเลือด หรือเส้นประสาท เมื่อไขมันแตกสลายเป็นน้ำหมดแล้ว แพทย์จะทำการดูดไขมันออก โดยใช้เครื่องดูดไขมัน
3. ขั้นตอนหลังดูดไขมันหน้าท้อง
เมื่อดูดไขมันหน้าท้องเสร็จแล้ว แพทย์จะเย็บแผล ซึ่งมีขนาดเล็กเย็บไม่เกิน 2 เข็ม เพราะการดูดไขมันหน้าท้อง แพทย์จะเปิดแผลเล็กมาก หลังการดูดไขมันน้ำเกลือจะไหลออกจากปากแผลไม่เกิน 24-48 ชั่วโมง โดยแพทย์จะเย็บแผลให้ปิดไม่สนิท เพื่อต้องการให้ระบายน้ำเกลือและยาชาที่เหลือออกจากร่างกาย และยังช่วยลดอาการบวม ยุบบวมได้อย่างรวดเร็ว หลังการรักษาคนไข้ต้องดูแลแผลให้เป็นอย่างดี ควรหลีกเลี่ยงห้ามให้แผลโดนน้ำโดยเด็ดขาดจนกว่าจะตัดไหม และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
หลังดูดไขมันหน้าท้อง ต้องปฏิบัติตัวอย่างไร?
การปฏิบัติตัวหลังจากการดูดไขมันหน้าท้อง การดูแลตัวเองหลังการดูดไขมันก็เป็นสิ่งสำคัญ และยังสามารถช่วยให้แผลจากการดูดไขมันหายเร็วขึ้น การดูแลตัวเองหลังการดูดไขมันมีข้อปฏิบัติตัวต่าง ๆ ดังนี้
ควรดื่มน้ำอย่างน้อย วันละ 2 ลิตร
แผลเย็บด้วยไหมชนิดต้องตัดออก ต้องดำเนินการตัดโดยแพทย์ โดยจะนัดตัดไหมที่ 1 สัปดาห์
งดการออกกำลังกายหรือการเคลื่อนไหวร่างกายอย่างรุนแรงเพื่อป้องกันแผลเปิด และสามารถออกกำลังกายเบา ๆ ได้หลังการดูดไขมันหน้าท้องได้ 3 สัปดาห์ และออกกำลังหนักได้หลังการดูดไขมันหน้าท้องได้ 6 สัปดาห์
อาการบวม ช้ำ และอาการปวด จะดีขึ้นภายใน 2-3 สัปดาห์ แต่อาการบวมจะเป็นนานมากที่สุด ซึ่งอาจจะนานถึง 3 เดือน
งดดื่มแอลกอฮอล์ อาหารหมักดอง รวมไปถึงการสูบบุหรี่เพื่อป้องกันแผลหายช้า
ควรทำความสะอาดแผล 1-2 ครั้งต่อวัน โดยแผลห้ามโดนน้ำเป็นเวลา 7 วัน ตามคำแนะนำของแพทย์
หลังจากดูดไขมันแล้วควรพักผ่อนให้เพียงพอ และขยับร่างกายบ้างเล็กน้อย เพื่อป้องกันอาการบวมช้ำ
งดอาบน้ำหลังจากดูดไขมัน โดยแนะนำเป็นการอาบน้ำในวันถัดไป และควรแปะพลาสเตอร์กันน้ำทุกครั้งก่อนอาบน้ำ
ในช่วง 1 เดือนแรกควรสวมชุดกระชับเกือบตลอด 24 ชั่วโมง ให้ถอดได้เฉพาะเวลาอาบน้ำ หรือ วันละ 1-2 ชม. ในเดือนที่ 2-3 ให้ใส่วันละ 12 ชม. ทั้งนี้เพื่อให้ผิวหนังมีความกระชับ ได้รูปที่สวยงามสวมหลังจากนั้นจึงค่อยลดลงตามความเหมาะสม ตามคำแนะนำของแพทย์
รับประทานยาตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ทานยาปฏิชีวนะติดต่อกันทุกวันจนหมด ควรรับประทานยาแก้ปวด และยาลดอาการบวม เมื่อมีอาการเท่านั้น
ทำไมต้องเลือก ดูดไขมันหน้าท้อง ที่ PHUMA CLINIC
Phuma clinic มีแพทย์ผู้ชำนาญประสบการณ์ยาวนานมากกว่า 10 ปี ประสบการณ์ทำเคสดูดไขมันมากกว่า 20,000 เคส โดยออกแบบรูปร่างและสัดส่วนที่คุณต้องการให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล คำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก
เรามีเทคโนโลยีในการดูดไขมันระดับแนวหน้า ที่มีประสิทธิภาพสูง ผลข้างเคียงน้อย
คลินิกสะอาด ปลอดภัย ห้องผ่าตัดได้มาตรฐาน เครื่องมือทันสมัย
ดูแลลูกค้าต่อเนื่องหลังเข้ารับบริการระดับมืออาชีพ
บริการด้วยความเต็มใจ ตั้งใจ จริงใจ ตรงไปตรงมา ให้ความชัดเจนกับลูกค้า และให้ลูกค้าเกิดความประทับใจ
การใส่ชุดกระชับ หลังดูดไขมันหน้าท้อง "สำคัญ" อย่างไร
การดูดไขมันหน้าท้อง ออกมานั้นเป็นการกำจัดไขมันที่สะสมอยู่ในชั้นไขมันใต้ผิวหนัง โดยจะอยู่ระหว่างผิวหนังกับกล้ามเนื้อ ดังนั้นหลังจากที่เราดูดไขมันหน้าท้องออกมาแล้ว จึงเกิดช่องว่างภายใต้ผิวหนังเกิดขึ้น ช่องว่างนี้จะมีลักษณะเป็นโพรง เราจึงต้องรีบปิดช่องว่างนี้ให้เร็วที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวหนังอยู่ในสภาวะย้วยหรือหย่อนคล้อย
การใส่ชุดกระชับบริเวณหน้าท้อง เป็นหนึ่งในวิธีดูแลตัวเองหลังดูดไขมันที่สำคัญมาก เพราะสัดส่วนของเราจะเข้าที่เร็วขึ้นหรือช้าขึ้นอยู่กับระยะเวลาในการสวมชุดกระชับสัดส่วนด้วย ยิ่งสวมนานมากเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้ผิวหนังติดกับชั้นกล้ามเนื้อได้เร็วเท่านั้น
ประโยชน์ของชุดกระชับ หลังการดูดไขมันหน้าท้อง
ช่วยอาการบวมหลังจากการดูดไขมันหน้าท้อง
ลดอาการบวมเขียวช้ำ เพราะชุดกระชับจะทำหน้าที่กดทับในบริเวณที่เลือดออกและทำให้เลือดหยุดไหล ทำให้ลดอาการบวมช้ำได้
ช่วยลดการเกิดแผลเป็น หรือคีลอยด์
ช่วยรีดน้ำเกลือที่ยังเหลือภายในร่างกาย
คนไข้ฟื้นตัวเร็ว ทำให้สามารถกลับไปใช้ชีวิตปกติได้เร็วขึ้น
ลดการเกิดก้อนแข็งเป็นไต หลังดูดไขมันหน้าท้อง
ดูดไขมันหน้าท้อง ที่ไหนดี
สำหรับใครที่อยากดูดไขมันหน้าท้อง หรืออยากดูดไขมันบริเวณอื่นๆ แนะนำให้ศึกษาข้อมูลก่อนการดูดไขมัน และเข้าไปปรึกษาแพทย์โดยตรง เพื่อให้แพทย์ได้ประเมินการรักษาได้อย่างตรงจุดและแม่นยำ ใครที่อยากดูดไขมันหน้าท้อง ที่ PHUMA CLINIC (ภูม่า คลินิก) ดูดโดยแพทย์ผู้ชำนาญมีประสบการณ์ยาวนานมากกว่า 10 ปี ประสบการณ์ทำเคสมามากกว่า 20,000 เคส สามารถแอดไลน์มาสอบถามได้ที่ @phumaclinic ได้เลย