ดูดไขมันทั้งตัว (Full body Liposuction)
ดูดไขมันทั้งตัว (Full body Liposuction) คือ การนำไขมันส่วนเกินออกที่เราไม่ต้องการออกทั้งตัวในครั้งเดียว หรือเรียกว่าการดูดไขมันเหมาทั้งตัว เพื่อให้บริเวณต่างๆ อย่างเช่น ต้นแขน หน้าท้อง ต้นขา และบริเวณอื่นๆ ลดลงพร้อมๆกันในครั้งเดียว ซึ่งเป็นกระบวนการศัลยกรรมเพื่อความงามที่ใช้เทคนิคในการดูดไขมันส่วนเกินในชั้นใต้ผิวหนังออกจากส่วนต่างๆของร่างกาย แต่การดูดไขมันทั้งตัวอาจจะทำให้เสียเลือดมาก เกิดผลข้างเคียงจากการได้รับยาชาหรือยาสลบมากเกินขนาด แต่ภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้พบได้น้อยมาก หากต้องการดูดไขมันทังตัว หรือเหมาทั้งตัว ต้องขอคำแนะนำและปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินถึงความเหมาะสม
ในปัจจุบันเทคโนโลยีที่ใช้ในการดูดไขมัน รวมถึงเทคนิคที่ทำให้ไขมันละลาย หรือแตกตัวเพื่อให้ง่ายต่อการดูดไขมัน ได้มีการพัฒนาอย่างก้าวหน้า โดยแต่ละเครื่องมือก็จะแตกต่างกันไปไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีการสั่น การใช้พลังงานน้ำ การใช้คลื่นวิทยุ หรือการใช้คลื่นอัลตราซาวน์ เป็นต้น
ดูดไขมันทั้งตัว ต้องคำนึงถึงอะไรบ้าง?
ความสมดุลของน้ำในร่างกาย (Electrolyte)
ความสมดุลของน้ำในร่างกายอาจได้รับผลกระทบได้ เพราะในการดูดไขมันทั้งตัวทำให้น้ำในร่างกายเราถูกดึงออกไปพร้อมๆกันกับไขมันที่ดูดออกมา ยิ่งดูดไขมันออกมาก ยิ่งเสียน้ำในร่างกายเยอะ จึงทำให้เกิดภาวะไม่สมดุลของน้ำในร่างกาย อาจส่งผลให้เกิดความผิดปกติต่อหัวใจและเส้นเลือด อาจทำให้มีอาการต่างๆ ตามมา เช่น หัวใจเต้นผิดจังหวะ, เหน็บชาตามร่างกาย, คลื่นไส้ อาเจียน, อ่อนเพลีย, ชัก และเสียชีวิต หากปล่อยไว้นาน
ปริมาณของไขมันที่ดูดออกมา
การดูดไขมันทั้งตัว ส่วนมากแพทย์จะมีมาตรฐานกำหนดไว้ว่า ไม่ควรดูดไขมันออกมากจนเกินไปในครั้งเดียว คือ ไม่ควรดูดเกิน 5 ลิตรต่อครั้ง หากดูดเกินกว่าที่กำหนดไว้ อาจส่งผลกระทบต่อร่างกายคนไข้ได้ เช่น ส่งผลต่อความสมดุลของน้ำในร่างกาย และความดัน แต่อย่างไรก็ตาม การดูดไขมันทั้งตัว บางเคสก็สามารถดูดไขมันเกิน 5 ลิตร ได้อย่างปลอดภัยขึ้นอยู่กับร่างกายของคนไข้
ระยะเวลาในการดูดไขมัน
การดูดไขมัน 1 ครั้ง ไม่ควรใช้เวลาเกิน 4-5 ชั่วโมง เพราะยิ่งใช้เวลานานในการดูดไขมันนาน ก็จะส่งผลข้างเคียงในระหว่างการดูดไขมันได้ เช่น คนไข้มีอาการอ่อนเพลีย เพิ่มความเสี่ยงเกิดลิ่มเลือด เวียนศีรษะ
น้ำหนักและมวลไขมัน
โดยแพทย์จะดูน้ำหนักและปริมาณไขมันของคนไข้ ซึ่งคนไข้แต่ละคนน้ำหนักจะแตกต่างการออกไป ทำให้ส่งผลต่อการใช้ปริมาณยาชาที่แตกต่างกัน ทำให้ก่อนดูดไขมันทั้งตัว แพทย์จะประเมินปริมาณของยาชา ที่จะใช้ในแต่ละเคส เพื่อให้ทราบว่าใช้ได้มากน้อยแค่ไหน
ดูดไขมันทั้งตัว ต้องวางยาสลบไหม?
โดยทั่วไปการดูดไขมันทั้งตัวมีอยู่ 2 วิธีด้วยกัน คือ วิธีการดูดไขมันทั้งตัวแบบดั้งเดิมโดยการใช้ยาสลบ และการดูดไขมันทั้งตัวด้วยวิธีปัจจุบัน โดยการดูดไขมันเหมาทั้งตัวด้วยเทคนิค Tumescent หรือการใส่ยาชาและน้ำเกลือที่ชั้นไขมัน ซึ่งทั้งสองวิธีการมีผลข้างเคียงที่ต่างกัน โดยการเลือกใช้จะขึ้นอยู่กับความต้องการของคนไข้ สภาพร่างกายของคนไข้ และจากการพิจารณาของแพทย์เป็นหลัก ซึ่งในปัจจุบันการเลือกใช้วิธีการใช้ยาชาเฉพาะส่วน เป็นที่นิยมมากกว่าการใช้ยาสลบ เนื่องจากยาชามีผลข้างเคียงน้อยกว่าและฟื้นตัวได้เร็ว คนไข้รู้สึกตัวตลอดเวลาที่ผ่าตัด ดังนั้นไม่ต้องกังวลเรื่องการหยุดหายใจ สามารถกลับบ้านได้เลยหลังการดูดไขมันเสร็จ เนื่องจากไม่มีสารออกฤทธิ์ที่กดการหายใจตกค้างในร่างกายของคนไข้
ดูดไขมันทั้งตัว ที่ PHUMA CLINIC ด้วยเครื่อง MicroAire PAL
MicroAire PAL เป็นการใช้วิธีการดูดไขมันโดยการสั่นสะเทือนรอบสูงจากท่อที่ดูดไขมัน เพื่อช่วยในการสลายไขมันให้แตกตัวออกจากกัน โดยไม่ใช้ความร้อน ไม่เจ็บ ไม่เสี่ยงผิวไหม้ และหลังจากนั้นเครื่องจะดูดไขมันออกมาอย่างอัตโนมัติด้วยระบบสั่น ทำให้ไขมันไหลออกมาได้ง่ายดาย เพราะความถี่ในการสั่นส่งผลให้ดูดไขมันได้ปริมาณมาก และยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดูดไขมันได้ดีมากยิ่งขึ้น รวมถึงรอยฟกช้ำน้อยกว่าการดูดไขมันแบบปกติ และช่วยลดการเสียดสีของผิวหนัง รวมไปถึงเนื้อเยื่อเคียงได้
ข้อดีของการดูดไขมันด้วยเครื่อง MicroAire PAL
- ใช้เวลาน้อยในการดูดไขมัน
- ดูดไขมันได้ในปริมาณมาก และดูดไขมันออกได้ง่าย
- เพิ่มประสิทธิภาพในการดูดไขมันได้ดี
- แผลเล็ก เจ็บน้อย หลังทำการดูดไขมันเสร็จสามารถกลับบ้านได้ทันที
- สามารถดูดไขมันบริเวณที่เป็นพังผืดได้ และบริเวณที่ดูดยาก หรือ บริเวณที่เคยดูดมาก่อน
- ไม่เกิดความร้อนสะสม ไม่ทำให้เกิดผิวไหม้ ไม่เป็นคลื่น คล้ายเป็นเปลือกส้ม
ก่อนดูดไขมันทั้งตัว ต้องเตรียมตัวอย่างไร?
ในปัจจุบันการดูดไขมันทั้งตัว ถือเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย เนื่องจากเป็นวิธีที่สามารถกำจัดไขมันส่วนเกินออกไปจากร่างกายได้ เปลี่ยนหุ่นให้กระชับ ปรับรูปร่างให้ดูสวยงาม ฉะนั้นผู้ที่สนใจจะดูดไขมันทั้งตัว ควรศึกษาข้อมูลและควรมีการเตรียมความพร้อมก่อนดูดไขมัน เพื่อความปลอดภัยและทำให้เกิดผลการรักษาที่ดีกับคนไข้ การเตรียมความพร้อมต้องทำอย่างไรบ้าง
ต้องศึกษาหาข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับกระบวนการดูดไขมัน และความเสี่ยงต่างๆ ศึกษากระบวนการรักษาทั้งตอนดูดไขมันและหลังดูดไขมัน
ก่อนจะเลือกดูดไขมัน ควรดูดไขมันกับแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ และคลินิกที่ได้มาตรฐานมีใบอนุญาตถูกต้องเท่านั้น
ก่อนทำการดูดไขมันควรมีการตรวจเลือด เพื่อตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด ภาวะการติดเชื้อ การแข็งตัวของเลือด ความสมดุลของสารน้ำในร่างกาย เพื่อความปลอดภัยของคนไข้เอง
ควรวางแผนการพักฟื้นให้ดี หลังการผ่าตัดต้องดูแลแผลให้เป็นอย่างดี เพราะในช่วงแรกจะมีน้ำเกลือไหลซึมออกมาจากปากแผล แต่ก็เป็นแค่ช่วงเวลา 1-2 วัน เท่านั้น
ต้องเตรียมพร้อมร่างกายก่อนดูดไขมันซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมาก คนไข้ต้องงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาหารเสริมต่างๆ และยากลุ่มแอสไพริน วิตามินอี ยาที่เกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือด ก่อนทำการดูดไขมันอย่างน้อยเป็นเวลา 2 สัปดาห์
ปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจดูดไขมัน แจ้งความกังวลกับแพทย์ว่าเรากังวลส่วนไหน ทำไมถึงอยากดูดไขมันบริเวณนี้ออก เพื่อประกอบการตัดสินใจของทั้งแพทย์และคนไข้
ก่อนทำการดูดไขมันต้องแจ้งแพทย์ว่ามีประวัติการแพ้ยาหรือไม่ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากเพื่อป้องกันการแพ้ยาระหว่างการดูดไขมัน
ดูดไขมันทั้งตัว มีขั้นตอนอย่างไร?
ขั้นตอนการดูดไขมัน สำหรับผู้ที่กำลังตัดสินใจดูดไขมันทั้งตัว ควรศึกษาการเตรียมตัวก่อนการดูดไขมันทั้งตัวและขั้นตอนการดูดไขมันทั้งตัว ซึ่งจะช่วยป้องกันข้อผิดพลาดหรือปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในภายหลัง การดูดไขมัน “เหมาทั้งตัว” เป็นการนำไขมันสะสมส่วนเกินที่ไม่ต้องการออกด้วยเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัย จึงสามารถช่วยแก้ปัญหา ทำให้รูปร่างให้สมส่วน เสริมสร้างบุคลิกภาพ เพิ่มความมั่นใจในการแต่งตัว
Phuma clinic เราจึงมี ขั้นตอนการดูดไขมัน มาให้ผู้ที่จะเตรียมตัวดูดไขมันได้อ่านเพื่อให้ศึกษาก่อนมาดูดไขมันทั้งตัว ว่ามีขั้นตอนอย่างไรบ้าง
1. การฉีดสารละลายน้ำเกลือ (Tumescent)
แพทย์จะฉีดยาชาเพื่อเปิดแผล ขนาดประมาณ 0.5-1 ซม. หลังจากนั้นตัวยาชาและอะดรีนาลีนจะเข้าสู่บริเวณส่วนที่จะทำการดูดไขมันในแต่บริเวณ ซึ่งขั้นตอนนี้เป็นเทคนิคการดูดไขมันทุกส่วน ซึ่งจะช่วยลดการสูญเสียเลือด เพิ่มความปลอดภัย และยังช่วยให้ดูดไขมันออกมาได้ง่ายขึ้นได้อีกด้วย
2. ขั้นตอนการสลายชั้นไขมันแต่ละบริเวณ
หลังจากใส่ยาชาจนทั่วบริเวณที่จะดูดไขมันแล้ว ก็จะเป็นขั้นตอนของการสลายไขมันด้วยคลื่นอัลตราซาวน์ เพื่อทำการสลายเซลล์ไขมันให้แตกออกโดยที่ไม่ทำอันตรายต่อเนื้อเยื่ออื่นๆ เช่น เส้นเลือด หรือเส้นประสาท เมื่อไขมันแตกสลายเป็นน้ำหมดแล้ว แพทย์จะทำการดูดไขมันออก โดยใช้เครื่องดูดไขมัน
3. ขั้นตอนหลังดูดไขมันทั้งตัว
เมื่อดูดไขมันแต่ละบริเวณเสร็จแล้ว แพทย์จะเย็บแผล ซึ่งมีขนาดเล็กเย็บไม่เกิน 2 เข็ม เพราะการดูดไขมันทั้งตัว แพทย์จะเปิดแผลเล็กมาก หลังการดูดไขมันน้ำเกลือจะไหลออกจากปากแผลไม่เกิน 24-48 ชั่วโมง โดยแพทย์จะเย็บแผลให้ปิดไม่สนิท เพื่อต้องการให้ระบายน้ำเกลือและยาชาที่เหลือออกจากร่างกาย และยังช่วยลดอาการบวม ยุบบวมได้อย่างรวดเร็ว หลังการรักษาคนไข้ต้องดูแลแผลให้เป็นอย่างดี ควรหลีกเลี่ยงห้ามให้แผลโดนน้ำโดยเด็ดขาดจนกว่าจะตัดไหม และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
หลังดูดไขมันทั้งตัว ต้องปฏิบัติตัวอย่างไร?
การปฏิบัติตัวหลังจากการดูดไขมันทั้งตัว การดูแลตัวเองหลังการดูดไขมันก็เป็นสิ่งสำคัญ และยังสามารถช่วยให้แผลจากการดูดไขมันหายเร็วขึ้น การดูแลตัวเองหลังการดูดไขมันมีข้อปฏิบัติตัวต่าง ๆ ดังนี้
ควรดื่มน้ำอย่างน้อย วันละ 2 ลิตร
แผลเย็บด้วยไหมชนิดต้องตัดออก ต้องดำเนินการตัดโดยแพทย์ โดยจะนัดตัดไหมที่ 1 สัปดาห์
งดการออกกำลังกายหรือการเคลื่อนไหวร่างกายอย่างรุนแรงเพื่อป้องกันแผลเปิด และสามารถออกกำลังกายเบา ๆ ได้หลังการดูดไขมันทั้งตัวได้ที่หลัง 3 สัปดาห์ และออกกำลังหนักได้หลังการดูดไขมันต้นขาได้ 6 สัปดาห์
อาการบวม ช้ำ และอาการปวด จะดีขึ้นภายใน 2-3 สัปดาห์ แต่อาการบวมจะเป็นนานมากที่สุด ซึ่งอาจจะนานถึง 3 เดือน
งดดื่มแอลกอฮอล์ อาหารหมักดอง รวมไปถึงการสูบบุหรี่เพื่อป้องกันแผลหายช้า
ควรทำความสะอาดแผล 1-2 ครั้งต่อวัน โดยแผลห้ามโดนน้ำเป็นเวลา 7 วัน ตามคำแนะนำของแพทย์
หลังจากดูดไขมันแล้วควรพักผ่อนให้เพียงพอ และขยับร่างกายบ้างเล็กน้อย เพื่อป้องกันอาการบวมช้ำ
งดอาบน้ำหลังจากดูดไขมัน โดยแนะนำเป็นการอาบน้ำในวันถัดไป และควรแปะพลาสเตอร์กันน้ำทุกครั้งก่อนอาบน้ำ
ในช่วง 1 เดือนแรกควรสวมชุดกระชับเกือบตลอด 24 ชั่วโมง ให้ถอดได้เฉพาะเวลาอาบน้ำ หรือ วันละ 1-2 ชม. ในเดือนที่ 2-3 ให้ใส่วันละ 12 ชม. ทั้งนี้เพื่อให้ผิวหนังมีความกระชับ ได้รูปที่สวยงามสวมหลังจากนั้นจึงค่อยลดลงตามความเหมาะสม ตามคำแนะนำของแพทย์
รับประทานยาตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ทานยาปฏิชีวนะติดต่อกันทุกวันจนหมด ควรรับประทานยาแก้ปวด และยาลดอาการบวม เมื่อมีอาการเท่านั้น
ทำไมเลือกดูดไขมันทั้งตัว ที่ PHUMA CLINIC
Phuma clinic มีแพทย์ผู้ชำนาญประสบการณ์ยาวนานมากกว่า 10 ปี ประสบการณ์ทำเคสดูดไขมันมากกว่า 20,000 เคส โดยออกแบบรูปร่างและสัดส่วนที่คุณต้องการให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล คำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก
เรามีเทคโนโลยีในการดูดไขมันระดับแนวหน้า ที่มีประสิทธิภาพสูง ผลข้างเคียงน้อย
คลินิกสะอาด ปลอดภัย ห้องผ่าตัดได้มาตรฐาน เครื่องมือทันสมัย
ดูแลลูกค้าต่อเนื่องหลังเข้ารับบริการระดับมืออาชีพ
บริการด้วยความเต็มใจ ตั้งใจ จริงใจ ตรงไปตรงมา ให้ความชัดเจนกับลูกค้า และให้ลูกค้าเกิดความประทับใจ
การใส่ชุดกระชับ หลังดูดไขมัน "สำคัญ" อย่างไร?
การดูดไขมันทั้งตัวออกมานั้นเป็นการกำจัดไขมันที่สะสมอยู่ในชั้นไขมันใต้ผิวหนัง โดยจะอยู่ระหว่างผิวหนังกับกล้ามเนื้อ ดังนั้นหลังจากที่เราดูดไขมันแต่ละบริเวณออกมาแล้ว จึงเกิดช่องว่างภายใต้ผิวหนังเกิดขึ้น ช่องว่างนี้จะมีลักษณะเป็นโพรง เราจึงต้องรีบปิดช่องว่างนี้ให้เร็วที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวหนังอยู่ในสภาวะย้วยหรือหย่อนคล้อย
การใส่ชุดกระชับทุกบริเวณที่ดูดไขมันออก เป็นหนึ่งในวิธีดูแลตัวเองหลังดูดไขมันที่สำคัญมาก เพราะสัดส่วนของเราจะเข้าที่เร็วขึ้นหรือช้าขึ้นอยู่กับระยะเวลาในการสวมชุดกระชับสัดส่วนด้วย ยิ่งสวมนานมากเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้ผิวหนังติดกับชั้นกล้ามเนื้อได้เร็วเท่านั้น
ประโยชน์ของชุดกระชับ
ช่วยลดอาการบวมจากการดูดไขมันทุกบริเวณที่ดูดไขมันออก
ลดอาการบวมเขียวช้ำ เพราะชุดกระชับจะทำหน้าที่กดทับในบริเวณที่เลือดออกและทำให้เลือดหยุดไหล ทำให้ลดอาการบวมช้ำได้
ช่วยลดการเกิดแผลเป็น หรือคีลอยด์
ช่วยรีดน้ำเกลือที่ยังเหลือภายในร่างกาย
คนไข้ฟื้นตัวเร็ว ทำให้สามารถกลับไปใช้ชีวิตปกติได้เร็วขึ้น
ลดการเกิดก้อนแข็งเป็นไต หลังดูดไขมันทุกบริเวณของร่างกาย
ดูดไขมันทั้งตัว ที่ไหนดี
สำหรับใครที่อยากดูดไขมันทั้งตัว หรืออยากดูดไขมันบริเวณอื่นๆ แนะนำให้ศึกษาข้อมูลก่อนการดูดไขมัน และเข้าไปปรึกษาแพทย์โดยตรง เพื่อให้แพทย์ได้ประเมินการรักษาได้อย่างตรงจุดและแม่นยำ ใครที่อยากดูดไขมันทั้งตัวที่ PHUMA CLINIC (ภูม่า คลินิก) ดูดโดยแพทย์ผู้ชำนาญมีประสบการณ์ยาวนานมากกว่า 10 ปี ประสบการณ์ทำเคสมามากกว่า 20,000 เคส สามารถแอดไลน์มาสอบถามได้ที่ @phumaclinic ได้เลย