ดูดไขมันราคาเท่าไร? ทำไมต้องสอบถามก่อน?

ดูดไขมัน หมอลดา (คุณหมอหนูใหม่) phuma clinic

คำถามยอดฮิตที่คนไข้ต้องการรู้ก่อนดูดไขมัน คือ ดูดไขมันราคาเท่าไร? แพงหรือไม่?

วันนี้คุณหมอหนูใหม่ หมอประจำ PHUMA CLINIC จะมาให้คำตอบในเรื่องราคาดูดไขมันในบทความนี้ค่ะ

ก่อนอื่นเราต้องรู้ก่อนว่า การดูดไขมันเป็นการศัลยกรรมเปลี่ยนแปลงรูปร่าง มีแผลที่เล็ก เจ็บน้อย ทำเสร็จไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้เป็นปกติ ในปัจจุบันการดูดไขมันจึงเป็นที่นิยมกันมาก ในส่วนของราคานั้นก็จะขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัวของลูกค้า ซึ่งแต่ละเคสก็จะแตกต่างกันออกไปและจะถูกประเมินโดยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ที่ยาวนาน โดยจะมีเกณฑ์ดังนี้ น้ำหนักตัว มวลไขมัน เป็นสิ่งที่สำคัญมากที่ใช้ในการประเมินราคาการดูดไขมัน แต่ทั้งนี้การประเมินจะต้องเป็นไปตามความเหมาะสมของปริมาณไขมันที่แพทย์จะดูดไขมันออกมา

โดยทางคลินิกจะมีการสอบถามก่อนเข้ารับบริการโดยการให้คำแนะนำผ่านหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นสอบถามผ่านไลน์ เฟสบุค หรือโทรสอบถามได้โดยตรง และหลังการได้รับการรักษาทางผู้ดูแลจะทำการติดตามผล โดยการมีสอบถาม ติดตามอาการอย่างสม่ำเสมอ ทั้งนี้ในส่วนของราคาดูดไขมันก็จะขึ้นอยู่กับแต่ละคลินิก แนะนำให้คนไข้เข้ามาปรึกษากับแพทย์ประจำคลินิกนั้นๆโดยตรงเพื่อที่จะได้ข้อมูลเกี่ยวกับทางการแพทย์ได้อย่างถูกต้อง เพื่อประกอบการตัดสินใจในการดูดไขมัน โดยราคาดูดไขมันก็จะเริ่มต้นที่ 20,000 บาท ขึ้นไป ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆอย่างค่ะ

ดูดไขมัน คืออะไร?

การดูดไขมันถือเป็นการผ่าตัดเล็ก ไม่จำเป็นต้องวางยาสลบในการผ่าตัด โดยแพทย์จะมีการเปิดแผลขนาดเล็ก ประมาณ 3-5 มม. เท่านั้น ซึ่งถือว่าค่อนข้างเล็กมากๆ เพื่อใช้ในการใช้เครื่องมือดูดไขมันเข้าไป ซึ่งการดูดไขมัน ถือเป็นการลดสัดส่วนของทุกส่วนของร่างกายเรา เพราะสามารถเห็นผลได้หลังทำทันที และใช้เวลาไม่นานในการทำ และจำเป็นต้องใช้เวลาในการพักฟื้นนาน

การดูดไขมันไม่สามารถดูดไขมันได้ทุกบริเวณ

บริเวณที่นิยมดูดไขมัน ได้แก่ หน้าท้อง ต้นขา ต้นแขน เอวเอส เหนียง และสโพก การดูดไขมันแต่ละบริเวณต้องอาศัยความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของแพทย์ บริเวณที่ไม่ควรดูดไขมัน คือบริเวณน่อง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลและต้องได้คำแนะนำจากแพทย์โดยตรง เพราะบริเวณน่องที่ใหญ่มักจะเป็นกล้ามเนื้อมากกว่า อาจต้องเข้ามาปรึกษาแพทย์เพื่อทำการประเมินรายละเอียดอีกทีว่ามีไขมันสะสมอยู่มากน้อยเพียงใด 

เรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับการดูดไขมัน

การดูดไขมันไม่ใช้วิธีที่ใช้ในการลดน้ำหนัก แต่ดูดไขมันเป็นวิธีที่ใช้ลดสัดส่วน ทำให้มีรูปร่าง สมส่วนที่ชัดเจนสวยงามมากขึ้น เนื่องจากไขมันมีน้ำหนักที่เบามาก เมื่อเทียบกับกล้ามเนื้อที่เรามีอยู่ถือว่าเป็นการนำไขมันออกไปนั้นน้ำหนักแทบไม่ลงเลย แต่ถ้าคนไข้ดูดไขมันไปแล้วสัดส่วนเข้าที่และเล็กลงแล้ว คนไข้สามารถควบคุมน้ำหนักและออกกำลังกายควบคู่กันไปด้วย เพียงเท่านี้น้ำหนักก็จะลดลง และยังมีสัดส่วนที่กระชับมากขึ้นหลังจากดูดไขมันไปแล้ว

การดูดไขมัน ไม่มีอะไรการันตีได้ว่าไขมันจะหมดไปอย่างถาวร ไม่มีการสะสมใหม่ได้อีก การดูดไขมันเป็นตัวช่วยที่ทำให้ไขมันที่สะสมบริเวณต่างๆหายไปในเวลารวดเร็ว ช่วยให้มีรูปร่างที่ดีขึ้น มีส่วนโค้ง ส่วนเว้าที่สวยงาม บริเวณที่ดูดไขมันไปแล้วจะกลับมาสะสมได้น้อยกว่าเดิม แต่ถ้าไม่มีการควบคุมอาหาร ไขมันก็จะกลับมาสะสมได้เร็วขึ้น

วิธีสังเกตตัวเองว่าถึงเวลาที่ต้องดูดไขมันหรือยัง?

  1. พุงปลิ้นออกมาเป็นชั้นๆมองดูแล้วไม่สวย บางคนต้องปลดกระดุมกางเกงเวลานั่งนานๆ เนื่องจากอึดอัด และนั่งไม่ได้
  2. ใส่กางเกงตัวเดิมไม่ได้แล้ว อึดอัดบริเวณหน้าท้อง ต้นขา เสื้อผ้าที่เคยใส่เปลี่ยนไซส์ให้ใหญ่ขึ้นตามตัว ใส่เสื้อผ้าแล้วอึดอัด แน่นบริเวณต้นแขน ทำให้ไม่มั่นใจในการใส่เสื้อผ้า
  3. ขาดเบียด เสียดสีกัน ไขมันสะสมบริเวณต้นขาเยอะ เนื่องจากอ้วนขึ้นทำให้ขาไม่มีช่องว่างทำให้เกิดการเสียดสีเวลาเดิน อาจทำให้ขาบริเวณที่เบียดกันเกิดร้อยคล้ำได้
  4. ออกกำลังกายยังไงก็ไม่ผอม สัดส่วนไม่ลดลง การดูดไขมันจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ดี เนื่องจากเป็นการกำจัดไขมันได้อย่างรวดเร็วและเห็นผลทันที
  5. มีความต้องการให้ใบหน้าคมชัด แต่เหนียงเยอะ คนไข้บางคนมีรูปร่างที่ดีอยู่แบ้วแต่มีคางสองชั้น กรอบหน้าไม่ชัด คางไม่ชัด ทำให้เป็นปัญหาโดยเฉพาะตอนถ่ายรูป ดังนั้นตัวช่วยที่ดีคือ การดูดไขมัน
Phuma clinic (ภูม่า) พญ.ชลดา วิรัตกพันธ์ (ดูดไขมัน)
Phuma clinic (ภูม่า) พญ.ชลดา วิรัตกพันธ์ (ดูดไขมัน)

ดูดไขมัน มีกี่วิธี?

การดูดไขมันด้วยวิธี Vaser

เครื่องดูดไขมัน Vaser เป็นการดูดไขมันโดยใช้เทคโนโลยีพลังงานคลื่นเสียงหรือที่เรียกกันว่า Ultrasound ในระดับความถี่ที่เหมาะสมเพื่อเข้าไปทำปฏิกิริยากับไขมัน และทำให้ไขมันแตกตัวกลายเป็นของเหลว จากนั้นจึงดูดไขมันออกมา เป็นวิธีที่ปลอดภัย และเป็นที่ยอดนิยม

การดูดไขมันด้วยวิธี Body Tite

เครื่องดูดไขมัน Body Tite คือ เทคโนโลยีที่ใช้พลังงาน RF (Radio Frequency) โดยจะยิงพลังงานลงไปที่ชั้นลึกของไขมัน ทำให้ไขมันสลายเป็นของเหลวก่อนจะถูกดูดไขมันออกมา ทำให้ดูดไขมันได้ง่ายขึ้น วิธีนี้จะมีข้อดีคือ ทำให้ผิวหนังกระชับ ลดการเสียเลือดได้ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วคนที่ดูดไขมันด้วยวิธี Body Tite นั้นจะใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 2 สัปดาห์ และมีรอยซ้ำเล็กน้อย

สรุปดูดไขมันราคาเท่าไร?

การดูดไขมันเป็นวิธีที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ทางการแพทย์โดยตรง ซึ่งแพทย์ต้องมีความเชี่ยวชาญทางด้านนี้โดยตรง ต้องรู้ว่าดูดไขมันได้แค่ไหน รูปร่างของคนไข้ถึงจะมีสรีระที่สวยงาม เป็นไปตามความต้องการของคนไข้ตั้งแต่แรก ส่วนการประเมินราคาจะขึ้นอยู่กับรูปร่างและสัดส่วนของคนไข้ ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ เนื่องจากรูปร่างของคนไข้แต่ละคนไม่เหมือนกัน มีปริมาณไขมันต่างกัน หลักสำคัญของการประเมิรราคาดูดไขมันคือ รูปร่างของคนไข้ รวมถึงน้ำหนักตัวและมวลไขมันในร่างกายของคนไข้เอง เพราะฉะนั้นจึงแนะนำให้คนไข้เข้ามาปรึกษากับแพทย์โดยตรง เพื่อประกอบการตัดสินใจ และเพื่อความพึงพอใจของราคาในการดูดไขมัน ที่คนไข้ต้องจ่ายให้กับทางคลินิก

สำหรับใครที่อยากดูดไขมัน แนะนำให้ศึกษาข้อมูลก่อนการดูดไขมัน และเข้าไปปรึกษาแพทย์โดยตรง เพื่อให้แพทย์ได้ประเมินการรักษาได้อย่างตรงจุดและแม่นยำ และใครที่อยากดูดไขมันแบบ Sexy line ที่ PHUMA CLINIC (ภูม่า คลินิก) ดูดไขมันโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมีประสบการณ์ยาวนานมากกว่า 9 ปี ประสบการณ์ทำเคสมามากกว่า 15,000 เคส สามารถแอดไลน์มาสอบถามได้ที่ @phumaclinic ได้เลย

error: Content is protected !!