ดูดไขมันบริเวณไหนได้บ้าง ?

ดูดไขมันส่วนไหนได้บ้าง เราสามารถดูดไขมันทุกส่วนของร่างกายได้ ในบริเวณที่มีไขมันสะสมเป็นจำนวนมาก และอยากเอาไขมันส่วนเกินออกเพื่อปรับรูปร่างให้ดูสมส่วน สวยงามขึ้น นอกจากนี้ยังนิยมการ ดูดไขมันทั้งตัว ดูดไขมันเหมาทั้งตัว ได้อีกด้วย ซึ่งเหมาะกับคนที่ต้องการปรับรูปร่างหลายจุดพร้อมกัน แต่จะต้องให้แพทย์ทำการประเมินและพิจารณาก่อนว่าสามารถทำได้พร้อมกันในครั้งเดียวหรือไม่? อีกทั้งการดูดไขมันจะมีการ จำกัดปริมาณไขมันที่ดูดออกได้ ในแต่ละครั้ง เพื่อความปลอดภัยของคนไข้อีกด้วย

ดูดไขมันทั้งตัว (Full body Liposuction)

ดูดไขมันทั้งตัว (Full body Liposuction) คือ การนำไขมันส่วนเกินออกที่เราไม่ต้องการออกทั้งตัวในครั้งเดียว หรือเรียกว่าการดูดไขมันเหมาทั้งตัว เพื่อให้บริเวณต่างๆ อย่างเช่น ต้นแขน หน้าท้อง ต้นขา และบริเวณอื่นๆ ลดลงพร้อมๆกันในครั้งเดียว ซึ่งเป็นกระบวนการศัลยกรรมเพื่อความงามที่ใช้เทคนิคในการดูดไขมันส่วนเกินในชั้นใต้ผิวหนังออกจากส่วนต่างๆของร่างกาย แต่การดูดไขมันทั้งตัวอาจจะทำให้เสียเลือดมาก เกิดผลข้างเคียงจากการได้รับยาชาหรือยาสลบมากเกินขนาด แต่ภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้พบได้น้อยมาก หากต้องการดูดไขมันทังตัว หรือเหมาทั้งตัว ต้องขอคำแนะนำและปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินถึงความเหมาะสม

ในปัจจุบันเทคโนโลยีที่ใช้ในการดูดไขมัน รวมถึงเทคนิคที่ทำให้ไขมันละลาย หรือแตกตัวเพื่อให้ง่ายต่อการดูดไขมัน ได้มีการพัฒนาอย่างก้าวหน้า โดยแต่ละเครื่องมือก็จะแตกต่างกันไปไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีการสั่น การใช้พลังงานน้ำ การใช้คลื่นวิทยุ หรือการใช้คลื่นอัลตราซาวน์ เป็นต้น

ดูดไขมันหน้าท้อง (Abdominal Liposuction)

ดูดไขมันหน้าท้อง (Abdomen Liposuction) คือ การเอาไขมันส่วนเกินบริเวณหน้าท้องดูดทิ้งไป ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้พุงยื่น พุงป่อง กลับมามีหน้าท้องเรียบแบน เกิดส่วนเว้าส่วนโค้ง และมีรูปร่างสวยงามดูสมส่วน ซึ่งการดูดไขมันบริเวณหน้าท้องสามารถทำได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ในบางคนอาจดูดไขมันหน้าท้องร่วมกับการสร้างซิกแพค หรือร่อง 11 (Sexy line) ไปพร้อมๆ กัน เรียกได้ว่าทำทีเดียวได้ผลลัพธ์ 2 ทาง ทั้งลดไขมันส่วนเกิน และสร้างไลน์กล้ามเนื้อที่ดูเป็นธรรมชาติ โชว์รูปร่างได้อย่างมั่นใจ การดูดไขมันหน้าท้องจะมีข้อจำกัดอยู่บ้าง เช่น หน้าท้องส่วนที่ดูดไขมันได้ และส่วนที่ดูดไขมันไม่ได้ หน้าท้องเราจะประกอบด้วย ชั้นไขมันและชั้นกล้ามเนื้อเรียงซ้อนกันไล่ไปตั้งแต่ ไขมันใต้ชั้นผิว (subcutanous Fat)  > กล้ามเนื้อหน้าท้อง (Muscles > ไขมันช่องท้อง (Visceral Fat) ซึ่งจะอธิบายดังนี้

1. ไขมันชั้นใต้ผิวหนัง (Subcutanous Fat) จะเป็นไขมันชั้นตื้น อยู่ติดกับผิวหนังเรามากที่สุด ไขมันชั้นนี้สามารถดูดไขมันหน้าบริเวณหน้าท้องได้ ช่วยลดขนาดของพุง ทำให้หน้าท้องแบนราบได้ 

2. กล้ามเนื้อหน้าท้อง (Muscles) จะเป็นชั้นกล้ามเนื้อ บรเวณนี้จะเน้นการออกกำลังกายเป็นหลัก 

3. ไขมันช่องท้อง (Visceral Fat) จะอยู่ชั้นในสุด ติดกับอวัยวะต่างๆ ไขมันส่วนนี้ไม่สามารถดูดไขมันออกได้ หากอยากลดไขมันช่องท้อง จะต้องควบคุมอาหาร ปรับพฤติกรรมการกินอาหาร และออกกำลังกายแทน ดังนั้นในบางคนที่ดูดไขมันหน้าท้องไป หน้าท้องอาจจะยุบลงไม่มาก เนื่องจากอาจจะมีไขมันในช่องท้องอยู่มาก

ดูดไขมันต้นขา (Leg and Thighs Liposuction)

“ดูดไขมันต้นขา” (Legs and Thighs Liposuction) ต้นขาเป็นส่วนที่มักมีการสะสมของไขมันส่วนเกินจำนวนมาก โดยเฉพาะในผู้หญิงซึ่งอาจจะเกิดจากกรรมพันธุ์ที่ได้รับมา หรือการสะสมไขมันจากการรับประทานอาหารประเภท ไขมัน แป้ง น้ำตาล และอาหารรสจัด ทำให้ขาใหญ่ ขาล่ำ ถึงแม้ตัวจะเล็กไม่อ้วนแต่ต้นขาใหญ่ จึงหาตัวช่วยโดยการออกกำลังกาย เพื่อลดไขมันต้นขา ซึ่งการออกกำลังกายอาจจะทำให้ไม่เห็นผลได้ตามที่ต้องการ และไม่สามารถทำให้ไขมันส่วนเกินที่ต้นขาลดลงได้ ในปัจจุบันจึงมี นวัตกรรมการดูดไขมันสำหรับผู้ที่ต้องการนำไขมันออกอย่างรวดเร็ว ซึ่งต้นขาเป็นส่วนที่ลดยากกว่าบริเวณอื่น

ดังนั้นการดูดไขมันต้นขา จึงเป็นอีกทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการนำไขมันส่วนเกินบริเวณต้นขาออก หรืออยากมีต้นขาเล็กเรียวสวยที่เห็นผลลัพธ์ในทันที

ดูดไขมันต้นขา ส่วนไหนได้บ้าง?

“ต้นขา (Leg and Thighs) คือส่วนที่อยู่เหนือเข่าไปจนถึงสะโพก ซึ่งกรณีผู้ที่มีต้นขาใหญ่ที่เกิดจากไขมันสะสมนั้น สามารถดูดไขมันต้นขาออกได้      โดยสามารถทำได้ทั้งหมดนี้ เช่น

  • ดูดไขมันต้นขาด้านนอก (outer thighs liposuction) จะแก้ปัญหาไขมันสะสมต้นขาส่วนของด้านนอก หรือส่วนที่ปูดออกด้านข้างลำตัว

  • ดูดไขมันต้นขาด้านใน (inner thighs liposuction) จะแก้ปัญหาไขมันสะสมขาด้านใน หรือเรียกว่าขาเบียดด้านใน จนบางครั้งขาเบียดจนเป็นแผล

  • ดูดไขมันต้นขาด้านหน้า (front thighs liposuction / Anterior) จะแก้ปัญหาไขมันสะสมต้นขาด้านหน้า หากมองด้านข้างจะมีลักษณะปูดออกมา

  • ดูดไขมันต้นขาด้านหลัง (back thighs liposuction / Posterior) จะแก้ปัญหาไขมันสะสมต้นขาของส่วนด้านหลัง

ทั้งนี้ผู้ที่ต้องการดูดไขมันบริเวณต้นขาต้องเข้ามาปรึกษากับแพทย์ก่อน เพื่อให้ทราบถึงปัญหาของ “ต้นขา” ว่าจะต้องดูดไขมันส่วนไหนบ้าง หรือในบางคนที่มีไขมันสะสมรอบต้นขาก็สามารถดูดไขมันแบบเหมาทั้งขาได้เช่นกัน และนอกจากนี้การดูดไขมันต้นขาสามารถทำร่วมกับการดูดไขมันส่วนอื่นๆ ได้ เพื่อให้ภาพรวมของขานั้นดูสวยงาม รูปร่างดูสมส่วน

Phuma clinic (ภูม่า) พญ.ชลดา วิรัตกพันธ์ (ดูดไขมัน)
ดูดไขมันต้นแขน (Arms Liposuction)

“ดูดไขมันต้นแขน” (Arms Liposuction) คือ การกำจัดไขมันสะสมที่อยู่รอบๆต้นแขน เพื่อให้ต้นแขนมีขนาดเล็กลง ต้นแขนดูเรียวกระชับขึ้น ต้นแขนสมส่วนกับรูปร่าง ไม่อวบและไม่ย้วย อีกทั้งช่วยลดความหย่อนคล้อยของต้นแขน ซึ่งสาเหตุของการเกิดไขมันสะสมเกิดจากหลายปัจจัย เช่น พันธุกรรม ระบบเผาผลาญไม่ดี หรือออกกำลังกายแล้วสัดส่วนที่แขนไม่ลดลง ซึ่งปัญหาเหล่านี้เป็นปัญหาของผู้ที่มีต้นแขนที่ใหญ่ ฉะนั้นการดูดไขมันต้นแขน จึงเป็นวิธีลดแขนวิธีหนึ่ง ที่สามารถเพิ่มความมั่นใจให้กับรูปร่างของเราได้ 

บริเวณที่เราจะดูดไขมันออกมา คือ ต้นแขนส่วนหน้า, ต้นแขนส่วนหลัง (บริเวณท้องแขน) รวมไปถึงบริเวณด้านล่างของหัวไหล่ด้วย ส่วนต้นแขนด้านบนจะไม่ค่อยนิยมทำ เพราะส่วนใหญ่จะเป็นกล้ามเนื้อมากกว่าไขมัน 

การดูดไขมันแขน โดยแพทย์จะทำการประเมินแขนด้วยกัน 2 ส่วนคือ ดูดไขมันต้นแขน (รวมหัวไหล่และหลังแขน) และดูดไขมันใต้ท้องแขน หรือท้องแขนส่วนหลัง นอกจากนี้แพทย์อาจทำการดูดไขมันใต้รักแร้ (ดูดไขมันนมน้อย) หรือดูดไขมันปีกหลังร่วมด้วย เพื่อให้ครอบคลุมบริเวณแขนและส่วนที่ใกล้เคียงกัน ทำให้ดูสมส่วนและสวยงามยิ่งขึ้น

ซึ่งการดูดไขมันต้นแขน ทำได้ไม่ยากและก็ไม่ได้ง่าย แต่ก็ต้องทำโดยแพทย์มืออาชีพ ศึกษาประวัติของแพทย์ (ความชำนาญและประสบการณ์) ให้ดีก่อนตัดสินใจดูดไขมัน เนื่องจาก

  1. แขนด้วยความที่ใกล้หัวไหล่ ซึ่งมีกล้ามเนื้อมัดใหญ่อยู่ หากทำโดยแพทย์ที่ไม่ชำนาญและมีประสบการณ์ที่มากพอ อาจทำให้คนไข้เกิดความเจ็บได้ง่าย จากการที่อุปกรณ์ทิ่มโดนกล้ามเนื้อหัวไหล่ หรือเสี่ยงต่อการที่อุปกรณ์ทิ่มโดนเส้นเลือด หรือเส้นประสาทที่สำคัญ หรือผิวทะลุ ฯลฯ

  2. ต้นแขนจะเป็นส่วนที่มีความแข็งและเหนียว ซึ่งอุปกรณ์ก็มีส่วนสำคัญที่จะช่วยให้การดูดไขมันต้นนั้นทำได้ง่ายขึ้นและเห็นผลลัพธ์ที่ดี แพทย์เองจึงเลือกใช้เครื่อง MicroAire PAL ซึ่งเป็นระบบสั่นในการนำมาดูดไขมันต้นแขน

ดูดไขมันเอวเอส (Waist Liposuction)

ดูดไขมันเอวเอส (Waist Liposuction) เป็นการนำเอาไขมันส่วนเกินบริเวณเอวออกจากร่างกาย ซึ่งเป็นวิธีลัดในการสร้างเอวเอส เอวคอด เมื่อทำการดูดไขมันจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนและทันทีหลังทำเสร็จ โดยสามารถเปลี่ยนคนเอวหนา ไม่มีเอว หรือ คนที่หุ่นทรงตรง (ทรงกระบอก) ให้มีเอว มีส่วนโค้งส่วนเว้า ทำให้รูปร่างดูสมส่วน สร้างความมั่นใจในรูปร่างได้มากขึ้น

หุ่นแบบไหนที่เหมาะกับการดูดไขมันเอวเอส (S curve)

ซึ่งการดูดไขมันเอวเอส นั้นต้องได้รับคำแนะนำที่ถูกต้องจากแพทย์ที่มีประสบการณ์ด้านการดูดไขมัน เพื่อป้องกันข้อผิดพลาด และผลลัพธ์ออกมา และเป็นที่พึงพอใจ

1. หุ่นนาฬิกาทราย 

หุ่นนาฬิกาทราย เป็นหุ่นในฝัน เพราะมีสัดส่วนที่โค้งเว้า ใส่ชุดว่ายน้ำสวย หุ่นแบบนี้จะมีหน้าอกไซส์พอประมาณ มีไหล่ที่กว้าง และมีเอวคอดรับกับสะโพกที่ผายออก หุ่นแบบนี้แทบไม่ต้องทำอะไรเพิ่ม ซึ่งการดูดไขมันเอวในหุ่นนาฬิกาทราย แทบไม่จำเป็น ยกเว้นถ้าน้ำหนักเพิ่มขึ้นภายหลัง ก็อาจจะไปดูดไขมันบริเวณเอวออกได้ ก็จะทำให้มีเอวเอส

2. หุ่นทรงแอปเปิ้ล 

หุ่นทรงแอปเปิ้ล เป็นหุ่นที่ช่วงบนเล็ก แต่ช่วงท้องที่ป่องออก เอวขยาย ซึ่งผู้หญิงหลังคลอดลูกหลายคนอาจจะเคยมีหุ่นแบบนาฬิกาทราย แต่พอหลังคลอดลูกเสร็จหุ่นจะกลายเป็นทรงแอปเปิ้ล เพราะกล้ามเนื้อหน้าท้องและกล้ามเนื้อเอวขยายและหย่อนตัวจากการตั้งครรภ์ คนที่มีหุ่นทรงแอปเปิ้ลสามารถดูดไขมันเอวเอสได้ ซึ่งจะได้เอวคอด เอวเอสที่ดูสวยงาม

ดูดไขมัน กระชับสัดส่วน หมอลดา (คุณหมอหนูใหม่) Phuma clinic

3. หุ่นสามเหลี่ยมคว่ำ หรือ สามเหลี่ยมหัวกลับ

หุ่นทรงสามเหลี่ยมคว่ำ หรือสามเหลี่ยมหัวกลับ มักจะไม่ค่อยเจอปัญหาเรื่องเอวเอส เอวคอด แต่ส่วนมากจะพบว่ามีไขมันสะสมบริเวณอื่นๆ เช่น ต้นแขนใหญ่ ต้นขาใหญ่ ดังนั้น แพทย์จึงแนะนำให้ดูดไขมันบริเวณอื่น เพื่อให้เข้ากับรูปร่างส่วนล่างที่มีขนาดเล็กกว่า

4. หุ่นสามเหลี่ยมหงาย หรือ หุ่นทรงลูกแพร์

เป็นหุ่นที่ช่วงบนเล็ก ช่วงล่างใหญ่ มีเอวที่บางหรือเล็กกว่าสะโพก แต่ส่วนของสะโพกไปจนถึงขา จะมีลักษณะผายและใหญ่ แต่ไม่ได้เรียกว่าอ้วน

4. หุ่นสามเหลี่ยมหงาย หรือ หุ่นทรงลูกแพร์

เป็นหุ่นที่ช่วงบนเล็ก ช่วงล่างใหญ่ มีเอวที่บางหรือเล็กกว่าสะโพก แต่ส่วนของสะโพกไปจนถึงขา จะมีลักษณะผายและใหญ่ แต่ไม่ได้เรียกว่าอ้วน

Phuma clinic (ภูม่า) พญ.ชลดา วิรัตกพันธ์ (ดูดไขมัน)

ดูดไขมัน Sexy line (สร้างร่อง 11)

ดูดไขมัน sexy line คือ การดูดไขมันส่วนเกินบริเวณหน้าท้องออกไป ทำควบคู่ไปกับการสร้างร่อง 11 หรือ แนวเซ็กซี่ไลน์ โดยแพทย์จะทำการดูดไขมันหน้าท้องให้เกิดเป็นกล้ามเนื้อหน้าท้องของผู้หญิง แต่มีหลักการแล้วว่าเหมาะกับผู้หญิงที่มีไขมันเกินเฉพาะส่วน คือ ปริมาณไขมันหน้าท้องไม่มากจนเกินไป ค่า BMI ของน้ำหนักตัวอยู่ในเกณฑ์ปกติ หรือผู้ที่มีรูปร่างดีอยู่แล้ว แต่อยากสร้างไลน์กล้ามเนื้อให้เห็นชัดเจนยิ่งขึ้น ซึ่ง เทคนิคการดูดไขมันเซ็กซี่ไลน์ ที่ PHUMA CLINIC นั้นจะทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมีประสบการณ์ยาวนานมากกว่า 8 ปี ซึ่งเข้าใจสรีระของคนไข้ได้เป็นอย่างดี และสามารถออกแบบร่อง 11 ให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล

ดูดไขมัน Sexy line แตกต่างจากการดูดไขมันทั่วไป ยังไง?

การดูดไขมัน Sexy line เป็นการทำแนวเซ็กซี่ไลน์ หรือสร้างร่อง 11 เพิ่มขึ้นมา เพื่อให้รูปร่างดูเซ็กซี่มากขึ้น โดยแพทย์จะมีการดูดไขมันตามสัดส่วนที่ประเมินไว้ โดยจะขึ้นอยู่กับตัวคนไข้ด้วยว่าสามารถทำร่อง sexy line ได้หรือไม่ สำหรับคนที่มีหน้าท้องเหี่ยวย่น หรือ หย่อนคล้อย อาจจะทำ sexy line ได้ยาก

การดูดไขมันหน้าท้อง แบบทั่วไป จะเป็นการดูดไขมันเพื่อลดขนาดหน้าท้องให้เล็กลง โดยหน้าท้องจะมีลักษณะแบนราบ ไม่มีพุงยื่นออกมา โดยบางคนจะดูดไขมันหน้าท้องร่วมกันกับ ดูดไขมันเอวเอส เพื่อให้ได้สัดส่วนสวยตามที่ต้องการ

Phuma clinic (ภูม่า) พญ.ชลดา วิรัตกพันธ์ (ดูดไขมัน)

ดูดไขมันน่อง (Calf Liposuction)

การดูดไขมันน่อง (Calf Liposuction) คือ การกำจัดไขมันส่วนเกินบริเวณน่องส่วนล่าง เพื่อให้น่องที่มีขนาดใหญ่ มีขนาดเล็กลง ช่วยเสริมให้ขาของเราดูเรียวสวยขึ้น ซึ่งการดูดไขมันน่อง จะช่วยให้น่องเล็กลงในทันที สามารถกำจัดไขมันได้อย่างตรงจุด 

การที่น่องโต น่องใหญ่ น่องโป่ง หรือน่องปูด  อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ แบ่งได้ดังนี้

1. น่องใหญ่จากกรรมพันธุ์ คือ มีกล้ามเนื้อโตมากกว่าไขมัน ซึ่งไม่สามารถลดน่องด้วยการดูดไขมันได้
2. น่องใหญ่ กล้ามเนื้อโต จากการออกกำลังกายมากเกินไป เช่น การปั่นจักรยาน, วิ่ง ก็ไม่สามารถลดให้น่องเล็กด้วยการดูดไขมันได้
3. น่องใหญ่ น่องโต จากไขมันสะสม น้ำหนักตัวเกิน สาเหตุนี้การดูดไขมันน่องจะได้ผลมาก เนื่องจากดูดไขมันส่วนเกินบริเวณน่องออก ทำให้น่องเล็ก ขาเรียวได้

วิธีลดน่องใหญ่ น่องโต จากกล้ามเนื้อเยอะขึ้นทำอย่างไร?

“วิธีการลดน่องโตจากกล้ามเนื้อ” ทำด้วยการฉีดลดน่องนั้นเป็นอีกวิธีที่นิยมมาก เพราะได้ผลและไม่เจ็บมาก การฟื้นตัวเร็ว เราจะใช้สาร (Botulinum toxin) ขนาดตั้งแต่ 40 ถึง 100 ยูนิต ฉีดเข้าไปที่กล้ามเนื้อน่อง ส่วนที่ป่องที่สุดในท่านอนคว่ำ โดยผลการลดขนาดจะค่อยๆ ลดลงอย่างช้าๆ ไม่เกิดผลทันทีทันใด และอาจจะต้องฉีดซ้ำอีก 1 ครั้งเพื่อให้ได้ผลที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ผลการรักษาอยู่ได้ประมาณ 5-7 เดือน

ดูดไขมันเหนียง แก้ม (Double Chin Liposuction)

ดูดไขมันบริเวณใบหน้า (Facial Vaser Liposuction) จะเป็นการดูดไขมันในบริเวณ เหนียง คอ แก้มด้านล่าง และขอบกราม ขึ้นอยู่กับปัญหาและการสะสมของไขมันในแต่ละบุคคล และเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยในการปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น มองเห็นรูป กรอบหน้า และคางได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ทำให้ดูหน้าเล็กลง การมีไขมันสะสมอยู่บริเวณใบหน้าโดยเฉพาะบริเวณใบหน้าช่วงล่างจะทำให้แลดูมีอายุ ดังนั้นควรดูดไขมันทำให้รูปหน้าดูดีขึ้น

ดูดไขมันเหนียง,กรอบหน้า,แก้ม เหนียงหรือคางสองชั้น (Double Chin) คือ การดูดไขมันใต้ชั้นผิวหนังที่ไปสะสมอยู่บริเวณใต้คาง ซึ่งทำให้หมดความมั่นใจได้ รวมถึงไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย หลายคนอาจจะไม่ได้อ้วน แต่กลับมีเหนียงหรือไขมันสะสมบริเวณใต้คางเป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดอุปสรรคในการถ่ายภาพ ทำให้ภาพที่ถ่ายออกมาไม่ดี เพราะมีใบหน้าที่ดูกลม ใต้คางเป็นชั้น หรือบางคนที่มีน้ำหนักตัวมากเกิน จนทำให้เหนียงใต้คางปรากฏออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน ทำให้หลายคนมีความกังวล และหาวิธีลดเหนียงต่างๆ แต่ก็ไม่สามารถที่จะทำให้ไขมันที่สะสมบริเวณเหนียงหายไปได้ โดยในปัจจุบันได้มีนวัตกรรมใหม่เกิดขึ้น คือ การดูดไขมันบริเวณเหนียง ซึ่งการดูดไขมันเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยในการปรับรูปหน้าให้เรียว และเห็นคางได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ทำให้ใบหน้าดูเล็กลง และสามารถถ่ายภาพได้อย่างมั่นใจ โดยไม่ต้องมีความกังวลอีกต่อไป

ดูดไขมันนมน้อย ก้อนเนื้อใต้รักแร้ (Accessory Breast Liposuction)

“ดูดไขมันนมน้อย” หรือก้อนเนื้อใต้รักแร้  (Accessory Breast Liposuction) เป็นก้อนเนื้อของเต้านมที่เจริญเติบโตยื่นเข้าไปในรักแร้ ลักษณะเหมือนเป็นเต้านมอีกคู่ที่โตบริเวณใต้รักแร้ ในบางคนจะเกิดเป็นลานนม พัฒนาเป็นหัวนม แล้วมีน้ำนมหรือเลือดไหลออกมาได้ จึงสร้างความเจ็บปวดเพราะอยู่บริเวณที่ได้รับการเสียดสีบ่อย ทำให้หุบรักแร้ไม่ได้เกิดความไม่สบายตัว โดยปกติแล้วหมอจะดูดไขมันนมน้อย พร้อมกับการดูดไขมันต้นแขนออกไปพร้อมๆกัน เพื่อให้เนื้อใต้รักแร้ดูเรียบ เรียวกระชับ

ก้อนเนื้อนมน้อยใต้รักแร้ เกิดจากอะไร?

ดูดไขมันนมน้อย หมอลดา (คุณหมอหนูใหม่) phuma clinic

นมน้อย หรือ ก้อนเนื้อใต้รักแร้ ที่เกิดจากไขมันส่วนเกินสะสม จะพบได้ประมาณ 2-6% ในผู้หญิง ส่วนสาเหตุที่แท้จริงเกิดจาก เซลล์เต้านม มีการกระจายไปเจริญเติบโตตามแนวเต้านม เป็นไปได้ตั้งแต่หัวไหล่ รักแร้ หรือไปถึงสะดือ และอาจพบได้ในผู้ชายได้เช่นกัน แต่พบได้น้อยมาก

การรักษา นมน้อย หรือก้อนเนื้อใต้รักแร้ มี 2 วิธี คือ

  1. ดูดไขมันใต้รักแร้ หรือดูดไขมันนมน้อย โดยใช้เครื่องมือดูดไขมันเพื่อดูดไขมันส่วนนั้นออกมา จนผิวยุบตัว แผลเล็ก เหมาะกับเต้านมที่มีไขมันส่วนเกินสะสมอย่างเห็นได้ชัด เป็นไขมันอย่างเดียว
  2. ผ่าตัดก้อนเนื้อใต้รักแร้ หรือผ่าตัดนมน้อย การตัดเอาก้อนเนื้อส่วนเกิน หรือ หนังห้อย ข้อเสียคือมีรอยแผลที่ต้องรักษานานพอสมควร โดยแผลจะซ่อนไว้ใต้รักแร้

ดูดไขมันทั้งตัว หน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา เอวเอส เหนียง ที่ไหนดี

สำหรับใครที่อยากดูดไขมันทั้งตัว  หรืออยากดูดไขมันบริเวณอื่นๆ แนะนำให้ศึกษาข้อมูลก่อนการดูดไขมัน และเข้าไปปรึกษาแพทย์โดยตรง เพื่อให้แพทย์ได้ประเมินการรักษาได้อย่างตรงจุดและแม่นยำ ใครที่อยากดูดไขมัน ที่ PHUMA CLINIC (ภูม่า คลินิก) ดูดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมีประสบการณ์ยาวนานมากกว่า 9 ปี ประสบการณ์ทำเคสมามากกว่า 15,000 เคส สามารถแอดไลน์มาสอบถามได้ที่ @phumaclinic ได้เลย

ทำไมต้องเลือก ดูดไขมัน ที่ PHUMA CLINIC

  • Phuma clinic มีแพทย์ผู้เชียวชาญประสบการณ์ยาวนานมากกว่า 10 ปี ประสบการณ์ทำเคสดูดไขมันมากกว่า 20,000 เคส โดยออกแบบรูปร่างและสัดส่วนที่คุณต้องการให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล คำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก

  • เรามีเทคโนโลยีในการดูดไขมันระดับแนวหน้า ที่มีประสิทธิภาพสูง ผลข้างเคียงน้อย

  • คลินิกสะอาด ปลอดภัย ห้องผ่าตัดได้มาตรฐาน เครื่องมือทันสมัย

  • ดูแลลูกค้าต่อเนื่องหลังเข้ารับบริการระดับมืออาชีพ 

  • บริการด้วยความเต็มใจ ตั้งใจ จริงใจ ตรงไปตรงมา ให้ความชัดเจนกับลูกค้า และให้ลูกค้าเกิดความประทับใจ 

error: Content is protected !!